วันจันทร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2554

แวมไพร์ - หมาป่า : ตีความใหม่


มนุษย์ดูดเลือดแวมไพร์ - มนุษย์หมาป่า : ฉบับตีความใหม่

นิยายชุด Twilight Saga ของนักเขียนหญิง "Stephenie Meyer" เริ่มตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี 2005 โดยใช้ชื่อว่า "Twilight" (ฉบับภาษาไทยใช้ชื่อว่า “แรกรัตติกาล”) และสร้างปรากฏการณ์ความนิยมแบบถล่มทลายทำนองเดียวกับ "Harry Potter" จนสุดท้ายถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์เช่นกัน

- ตัวอย่างภาพยนตร์ภาคล่าสุด (2011) "Breaking Dawn Part 1" -

จุดโดดเด่นของ นวนิยาย(รวมทั้งภาพยนตร์) ชุดนี้ ก็คือ... การตีความใหม่-ให้มุมมองใหม่ โดย แวมไพร์ - มนุษย์หมาป่ายุคใหม่ ไม่ใช่ปีศาสผีดิบอีกต่อไป แต่เป็นสิ่งมีชีวิตมนุษย์อีกพวกที่ใช้ชีวิตกลืนไปกับมนุษย์ธรรมดา แวมไพร์-มนุษย์หมาป่า ต่างก็ใช้ชีวิตเรียนหนังสือ ประกอบอาชีพ แบบคนปกติทั่วไป เพียงแต่มีพลังวิเศษกว่ามนุษย์ตามแบบของเผ่าพันธุ์ของตน (แวมไพร์ยังคงกินเลือดเป็นอาหารแต่กินเลือดสัตว์แทน ไม่กินเลือดมนุษย์ แต่สันดานดิบเดิมๆยังคงมีอยู่ ยังน้ำลายไหลเมื่อเห็นเลือดมนุษย์!) ซึ่งนับว่า เป็นการต่อยอด แหวกแนว จากตำนาน แวมไพร์-มนุษย์หมาป่าดั้งเดิม ได้อย่างน่าสนใจ...

...และทั้งเนื้อหาของเรื่องแทนที่จะเป็นแวมไพร์ไล่ล่าฆ่าหาเลือดมนุษย์กิน หรือการต่อสู้ทำลายล้างคู่ปรับอย่างมนุษย์หมาป่า ก็กลับกลายเป็นเรื่องของความรักโรแมนติกต่างสายพันธุ์ ที่บานปลายไปจนถึงรัก 3 เส้า ระว่าง 2 หนุ่ม แวมไพร์ไฮโซ และ มนุษย์หมาป่าผู้จริงใจ กับหนึ่งหญิงสาวมนุษย์ธรรมดาๆ (จึงเป็นที่ถูกใจของบรรดาวัยรุ่นโดยเฉพาะสาวๆต่างอินกับเนื้อเรื่อง ด้วยนางเอกเป็นผู้หญิงธรรมดาอันเสมือนตัวแทนของผู้หญิงทั่วๆ แต่กลับมีชายแสนดีในฝัน-เท่ห์ๆ-พิเศษๆ 2 คนมารุมแย่งกันรักเธอ ข้อนี้ต่างจากละครไทยที่ส่วนใหญ่ ผู้หญิงต้องตบตีแย่งผู้ชายคนเดียวกัน :)

- มนุษย์หมาป่า ตีความมุมมองใหม่ : แปลงร่างได้ โดยไม่ต้องรอพระจันทร์เต็มดวงแบบเก่า -

ภาคหนังสือนิยาย ออกมารวมทั้งหมด 4 ภาค โดยได้ตั้งชื่อภาคตามปรากฏการณ์ของท้องฟ้าช่วงเวลาต่างๆ ซึ่งเป็นลูกเล่นทางวรรณกรรมที่ฉลาดหลักแหลม ได้แก่... 1.Twilight (แรกรัตติกาล) : 2.New Moon (นวจันทรา) : 3.Eclipse (คราสสยุมพร) : และสุดท้าย 4.Breaking Dawn (รุ่งอรุโณทัย)

ทุกเล่มก็ได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีจากแฟนๆ หนังสือทั่วโลก (และปัจจุบันมีแปลภาคไทยครบทุกเล่มแล้ว โดย ภาค 4 Breaking Dawn (รุ่งอรุโณทัย) แบ่งเป็น 2 Part เช่นเดียวกับภาพยนตร์ หนังสือจึงมี 5 เล่มจบ)
แต่ Twilight ก็ตกเป็นที่วิจารณ์ในทางลบอย่างมากเช่นกัน อาทิ "สตีเฟน คิง" นักเขียนนิยายชื่อดังอีกคน เป็นหนึ่งในผู้ต่อว่านิยายชุดนี้อย่างรุนแรง คิงกล่าวว่า "เมเยอร์ (ผู้แต่ง Twilight) และ เจ. เค. โรว์ลิ่ง (ผู้แต่ง Harry Potter) พยายามเขียนหนังสือให้เด็กวัยรุ่นชื่นชอบ แต่ทั้งคู่ต่างกันก็คือโรว์ลิ่งเป็นนักเขียนที่เก่งมาก เธอสามารถแทรกข้อคิดที่ดีไว้อย่างมากมายพร้อมกับความสนุกตื่นเต้น ส่วนเมเยอร์เธอเป็นนักเขียนที่ไม่ได้เรื่องเลย หนังสือของเธอมีการแฝงเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ทางอ้อมและมีข้อคิดในทางแย่ๆอีกด้วย เช่น การให้ความสำคัญกับคนรักมากกว่าพ่อมากมายหลายเท่าตัว และการเอาชนะความตาย ซึ่งต่างกับโรว์ลิ่งที่พยายามให้รู้จักยอมรับความตาย"อันเป็นความจริงของชีวิต
..................................................

เมื่อแวมไพร์ครองโลก!


และที่น่าสนใจอีกเรื่องกรณีตีความ แวมไพร์ มุมมองใหม่ ก็คือ ภาพยนตร์เรื่อง "Daybreakers วันแวมไพร์ครองโลก" (2009) เมื่อพันธุ์แวมไพร์ครองโลก มีระบบเศรษฐกิจ(ทุนนิยม)-มีสังคมแบบมนุษย์ทุกประการ เผ่าพันธุ์มนุษย์กับกลายเป็นแค่สัตว์เศรษฐกิจ!ชนิดหนึ่ง เป็นเพียงอาหารเลี้ยงแวมไพร์ แต่เมื่ออาหาร คือเลือดมนุษย์กำลังจะหมดลง เพราะแวมไพร์บริโภคนิยม ผนวกกับประชากรที่เพิ่มมากขึ้น จึงกินเลือดมนุษย์เสียจวนจะหมดโลกแล้ว ทางออกคือ การโคลนนิ่งมนุษย์เพื่อได้เลือดมาเป็นอาหารให้พอกับความตัองการ ทั้งระหว่างนั้นต้องเสริมสร้างเลือดเทียมมาผนวกด้วย...หนังสะท้อน มนุษย์ กับ แวมไพร์ ไม่มีอะไรแตกต่างกัน ในเมื่อต่างก็เป็นผู้ล่า เลี้ยง-กินฆ่า เอาเลือดเนื้อสัตว์อื่นอาหาร!



สิ่งที่น่าสนใจอีกแง่มุมในหนังเรื่องนี้คือ...เผ่าแวมไพร์ มีอำนาจ-ครองโลก มนุษย์บางคนจึงฝันอยากเป็นแวมไพร์บ้าง เหตุสำคัญคือ แวมไพร์ มีชีวิตเป็นอมตะ(หมายถึงไม่แก่ตายแบบมนุษย์ แต่ก็ตายดับสูญได้หากขาดอาหารคือเลือดนานๆ หรือโดนแดดเผา หรือโดนฆ่าให้ตายด้วยพลังพิเศษ)

และอีกปมหนึ่งของหนัง หลังจากที่พระเอก(เป็นแวมไพร์) ได้มาเจอกับมนุษย์ผู้เคยมีชีวิตเป็นแวมไพร์มาก่อน แต่กลับกลายมาเป็นมนุษย์โดยบังเอิญ โดยหลังจากประสบอุบัติเหตุรถยนต์ จนต้องเจอกับแสงแดดเผาไหม้ ก่อนที่จะตกลงในน้ำ จึงเกิดปฏิกิริยาส่งผลให้กลับกลายมาเป็นมนุษย์คนธรรมดาได้ พระเอกเลยต้องทบทวนคิดหนักว่าจะเลือกเป็นอะไรดี ระหว่างการเป็นมนุษย์ กับการเป็นแวมไพร์อันมีเชื้ัอผีดิบกินเลือด มีชีวิตอมตะก็จริง แต่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในที่มืดๆ หลบแดด หลบแสงสว่าง...คำถามคือ ชีวิตควรเป็นอย่างไร? - อะไรคือ ความสุขที่แท้จริงของชีวิต?

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น