เพลงยาว พยากรณ์กรุงศรีอยุธยา
เพลงยาวพยากรณ์กรุงศรีอยุธยา เป็นบทร้อยกรองประเภทเพลงยาว มีเนื้อหาเกี่ยวกับการพยากรณ์สถานการณ์ในอนาคตว่าจะเกิดอาเพศ-วิปริตลางบอกเหตุต่างๆ ประสบวิบัติ ภัยนานา...ก่อนที่กรุงศรีฯจะล่มสลาย โดยความเชื่อกระแสหลักคาดว่า กลอนนี้ประพันธ์ขึ้นราวสมัยรัชกาลสมเด็จพระเจ้าปราสาททองถึงสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ส่วนผู้ประพันธ์ยังไม่อาจระบุตัวได้แน่ชัด...
กล่าวกันว่า...เพลงยาวพยากรณ์กรุงศรีอยุธยาแต่งขึ้นเลียนแบบมหาสุบินชาดก และนิทาน "พยาปัถเวน (ปเสนทิโกศล) ทำนายฝัน" ชาดกและนิทานดังกล่าวเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ พระสุบินนิมิต สิบหกประการ ของประการของพระเจ้าปเสนทิโกศลที่ได้ทูลถามคำพยากรณ์จากพระพุทธเจ้า (ซึ่้งตรงกับจำนวนมหัศจรรย์ ๑๖ ประการในเพลงยาวฯ)...อาทิกรณี “กระเบื้องจะเฟื่องฟูลอย น้ำเต้าอันลอยจะถอยจม” ของเพลงยาวพยากรณ์กรุงศรีอยุธยา คล้ายกับพระสุบิน ข้อ 12 กับข้อ 13 ของพระเจ้าปะเสนทิ แตกต่างกันที่ข้อ 13 นั้น พระเจ้าปะเสนทิทรงพระสุบินเห็นเป็น หินก้อนใหญ่เท่าเสาเรือนลอยน้ำ ไม่ใช่กระเบื้อง
กล่าวกันว่า...เพลงยาวพยากรณ์กรุงศรีอยุธยาแต่งขึ้นเลียนแบบมหาสุบินชาดก และนิทาน "พยาปัถเวน (ปเสนทิโกศล) ทำนายฝัน" ชาดกและนิทานดังกล่าวเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ พระสุบินนิมิต สิบหกประการ ของประการของพระเจ้าปเสนทิโกศลที่ได้ทูลถามคำพยากรณ์จากพระพุทธเจ้า (ซึ่้งตรงกับจำนวนมหัศจรรย์ ๑๖ ประการในเพลงยาวฯ)...อาทิกรณี “กระเบื้องจะเฟื่องฟูลอย น้ำเต้าอันลอยจะถอยจม” ของเพลงยาวพยากรณ์กรุงศรีอยุธยา คล้ายกับพระสุบิน ข้อ 12 กับข้อ 13 ของพระเจ้าปะเสนทิ แตกต่างกันที่ข้อ 13 นั้น พระเจ้าปะเสนทิทรงพระสุบินเห็นเป็น หินก้อนใหญ่เท่าเสาเรือนลอยน้ำ ไม่ใช่กระเบื้อง
- ภาพวาด บรรยากาศเสียกรุง วาระสุดท้ายกรุงศรีอยุธยา โดนเผาเมืองวอดวาย -
จะกล่าวถึงกรุงศรีอยุธยา | |
เป็นกรุงรัตนราชพระศาสนา | มหาดิเรกอันเลิศล้น |
เป็นที่ปรากฏรจนา | สรรเสริญอยุธยาทุกแห่งหน |
ทุกบุรีสีมามณฑล | จบสกลลูกค้าวาณิช |
ทุกประเทศสิบสองภาษา | ย่อมมาพึ่งกรุงศรีอยุธยาเป็นอัครนิตย์ |
ประชาราษฎร์ปราศจากภัยพิษ | ทั้งความพิกลจริตแลความทุกข์ |
ฝ่ายองค์พระบรมราชา | ครองขัณฑสีมาเป็นสุข |
ด้วยพระกฤษฎีกาทำนุก | จึ่งอยู่เย็นเป็นสุขสวัสดี |
เป็นที่อาศัยแก่มนุษย์ในใต้หล้า | เป็นที่อาศัยแก่เทวาทุกราศี |
ทุกนิกรนรชนมนตรี | คหบดีชีพราหมณพฤฒา |
ประดุจดั่งศาลาอาศัย | ดั่งหนึ่งร่มพระไทรอันสาขา |
ประดุจหนึ่งแม่น้ำพระคงคา | เป็นที่สิเน่หาเมื่อกันดาน |
ด้วยพระเดชเดชาอานุภาพ | อาจปราบไพรีทุกทิศาน |
ทุกประเทศเขตขัณฑ์บันดาล | แต่งเครื่องบรรณาการมานอบนบ |
กรุงศรีอยุธยานั้นสมบูรณ์ | เพิ่มพูนด้วยพระเกียรติขจรจบ |
อุดมบรมสุขทั้งแผ่นพิภพ | จนคำรบศักราชได้สองพัน |
คราทีนั้นฝูงสัตว์ทั้งหลาย | จะเกิดความอันตรายเป็นแม่นมั่น |
ด้วยพระมหากษัตริย์มิได้ทรงทศพิธราชธรรม์ | จึงเกิดเข็ญเป็นมหัศจรรย์ สิบหกประการ |
คือเดือนดาวดินฟ้าจะอาเพศ | อุบัติเหตุเกิดทั่วทุกทิศาน |
มหาเมฆจะลุกเป็นเพลิงกาฬ | เกิดนิมิตพิศดารทุกบ้านเมือง |
พระคงคาจะแดงเดือดดั่งเลือดนก | อกแผ่นดินเป็นบ้าฟ้าจะเหลือง |
ผีป่าก็จะวิ่งเข้าสิงเมือง | ผีเมืองนั้นจะออกไปอยู่ไพร |
พระเสื้อเมืองจะเอาตัวหนี | พระกาฬกุลีจะเข้ามาเป็นไส้ |
พระธรณีจะตีอกไห้ | อกพระกาฬจะไหม้อยู่เกรียมกรม |
ในลักษณ์ทำนายไว้บ่ห่อนผิด | เมื่อวินิศพิศดูก็เห็นสม |
มิใช่เทศกาลร้อนก็ร้อนระงม | มิใช่เทศกาลลมลมก็พัด |
มิใช่เทศกาลหนาวก็หนาวพ้น | มิใช่เทศกาลฝนฝนก็อุบัติ |
ทุกต้นไม้หย่อมหญ้าสาระพัด | เกิดวิบัตินานาทั่วสากล |
เทวดาซึ่งรักษาพระศาสนา | จะรักษาแต่คนฝ่ายอกุศล |
สัปบุรุษจะแพ้แก่ทรชน | มิตรตนจะฆ่าซึ่งความรัก |
ภรรยาจะฆ่าซึ่งคุณผัว | คนชั่วจะมล้างผู้มีศักดิ์ |
ลูกศิษย์จะสู้ครูพัก | จะหาญหักผู้ใหญ่ให้เป็นน้อย |
ผู้มีศีลจะเสียซึ่งอำนาจ | นักปราชญ์จะตกต่ำต้อย |
กระเบื้องจะเฟื่องฟูลอย | น้ำเต้าอันลอยนั้นจะถอยจม |
ผู้มีตระกูลจะสูญเผ่า | เพราะจันฑาลมันเข้ามาเสพสม |
ผู้มีศีลนั้นจะเสียซึ่งอารมณ์ | เพราะสมัครสมาคมด้วยมารยา |
พระมหากระษัตริย์จะเสื่อมสิงหนาท | ประเทศราชจะเสื่อมซึ่งยศถา |
อาสัตย์จะเลื่องลือชา | พระธรรมาจะตกลึกลับ |
ผู้กล้าจะเสื่อมใจหาญ | จะสาบสูญวิชาการทั้งปวงสรรพ |
ผู้มีสินจะถอยจากทรัพย์ | สัปบุรุษจะอับซึ่งน้ำใจ |
ทั้งอายุศม์จะถอยเคลื่อนจากเดือนปี | ประเวณีจะแปรปรวนตามวิสัย |
ทั้งพืชแผ่นดินจะผ่อนไป | ผลหมากรากไม้จะถอยรส |
ทั้งแพทยพรรณว่านยาก็อาเพศ | เคยเป็นคุณวิเศษก็เสื่อมหมด |
จวงจันทน์พรรณไม้อันหอมรส | จะถอยถดไปตามประเพณี |
ทั้งข้าวก็จะยากหมากจะแพง | สาระพันจะแห้งแล้งเป็นถ้วนถี่ |
จะบังเกีดทรพิษมิคสัญญี | ฝูงผีจะวิ่งเข้าปลอมคน |
กรุงประเทศราชธานี | จะเกิดการกุลีทุกแห่งหน |
จะอ้างว้างอกใจทั้งไพร่พล | จะสาละวนทั่วโลกทั้งหญิงชาย |
จะร้อนอกสมณาประชาราช | จะเกิดเข็ญเป็นอุบาทว์นั้นมากหลาย |
จะรบราฆ่าฟันกันวุ่นวาย | ฝูงคนจะล้มตายลงเป็นเบือ |
ทางน้ำก็จะแห้งเป็นทางบก | เวียงวังก็จะรกเป็นป่าเสือ |
แต่สิงห์สารสัตว์เนื้อเบื้อ | นั้นจะหลงหลอเหลือในแผ่นดิน |
ทั้งผู้คนสาระพัดสัตว์ทั้งหลาย | จะสาบสูญล้มตายเสียหมดสิ้น |
ด้วยพระกาฬจะมาผลาญแผ่นดิน | จะสูญสิ้นการณรงค์สงคราม |
กรุงศรีอยุธยาจะสูญแล้ว | จะลับรัศมีแก้วเจ้าทั้งสาม |
ไปจนคำรบปีเดือนคืนยาม | จนสิ้นนามศักราชห้าพัน |
กรุงศรีอยุธยาเขษมสุข | แสนสนุกยิ่งล้ำเมืองสวรรค์ |
จะเป็นเมืองแพศยาอาธรรม์ | นับวันจะเสื่อมสูญเอยฯ |
.........................................................
ข้อเท็จจริง ? - ข้อสันนิษฐาน ?
ข้อเท็จจริง ? - ข้อสันนิษฐาน ?
เพลงยาวฯ นี้ ปรากฏอยู่ในหนังสือ "อธิบายแผนที่พระนครศรีอยุธยา" ซึ่งมหาอำมาตย์โทพระยาโบราณราชธานินทร์ (พร เดชะคุปต์) อดีตสมุหเทศาภิบาลมณฑลอยุธยา และอดีตอุปนายกราชบัณฑิตยสภา แผนกโบราณคดี พิมพ์ทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวในการพระราชพิธีทรงบวงสรวงอดีตมหาราชเจ้าที่พระนครศรีอยุธยา เมื่อ พ.ศ. 2459
สันนิษฐานว่าเพลงยาวนี้มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา แต่นักวิชาการยังไม่อาจสรุปแน่ชัดว่าใครเป็นผู้แต่ง แม้ว่าในตอนท้ายของบทกลอนได้บันทึกกำกับไว้ว่า "พระนารายณ์เป็นเจ้านพบุรีทำนาย..." หากว่าเป็นจริงตามนั้น "พระนารายณ์" ก็หมายถึงสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ส่วน"นพบุรี"คือเมืองลพบุรี
สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้ทรงอธิบายไว้ในคำนำหนังสือดังกล่าว มีความตอนหนึ่งว่า "...เพลงยาวพยากรณ์กรุงศรีอยุธยา อ้างไว้ข้างท้ายว่าเปนพระราชนิพนธ์ของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เพลงยาวนี้มีหลักฐานควรเชื่อแต่ว่าแต่งเมื่อครั้งกรุงศรีอยุธยาเปนราชธานี ด้วยในคำให้การของพวกชาวกรุงเก่าที่พม่าจับไปถามคำให้การเมื่อครั้งเสียกรุงศรีอยุธยาได้กล่าวอ้างถึง แต่ข้อที่ว่าเปนพระราชนิพนธ์สมเด็จพระนารายณ์มหาราชนั้นไม่มีหลักฐานอย่างอื่นนอกจากที่มีเขียนอ้างไว้กับเพลงยาว ปลาดอยู่ที่เพลงยาวบทนี้ยังมีผู้ท่องจำกันมาได้แพร่หลายจนในกรุงรัตนโกสินทร์นี้ แต่เรียกกันว่าเพลงยาวพุทธทำนาย...”
ในหนังสือ “คำให้การชาวกรุงเก่า” ก็มีเรื่องคำพยากรณ์กรุงศรีอยุธยานี้เช่นกัน กล่าวว่าเป็นพระราชนิพนธ์ของพระพุทธเจ้าเสือ แต่มีเนื้อความสั้นกว่าและปรากฏความเป็นร้อยแก้ว ซึ่งสันนิษฐานเพิ่มเติมได้อีกว่า เพลงยาวฯ นี้อาจแต่งขึ้นเพื่อใช้ทำลายขวัญกำลังใจสาธารณะอันเป็นจิตวิทยาทางการเมือง เพราะบทกลอนดังกล่าวมีเนื้อความคล้ายกับร่ายของพระเจ้าสุริเยนทราธิบดีหรือพระเจ้าเสือที่ทรงประพันธ์ขึ้นมาเพื่อใช้ในปฏิบัติการจิตวิทยาทางการเมืองในปลายรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ซึ่งต่อมาผู้นำในสมัยรัตนโกสินทร์ก็ใช้ประโยชน์จากบทกลอนดังกล่าวมาอธิบายเหตุการณ์การเสียกรุงศรีอยุธยาโดยมีเป้าหมายในทางการเมืองที่ต่างไปจากพระเจ้าเสือ
สรุปสังเขปก็คือ ถ้าหากว่าเพลงยาวนี้ได้ถูกแต่งในสมัยอยุธยาจริง อาจกล่าวได้ว่า
1. ผู้แต่งจะต้องเป็นบุคคลที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง มีความสามารถในทางโหราศาสตร์หรือทางจิตวิทยาและเป็นนักประพันธ์นำมาผนวกกับเรื่องราวของพุทธทำนายดังกล่าวข้างต้น
2. เพลงยาวฯ นี้อาจใช้เป็นจุดประสงค์ในทางการเมือง
ข้อสังเกตอีกประเด็นหนึ่งก็คือ การทำนายชะตาบ้านเมืองไปในทางเลวร้ายเช่นนี้ถือเป็นเรื่องคอขาดบาดตายและเป็นการอัปมงคล หากเป็นการแต่งโดยบุคคลธรรมดาก็อาจจะถูกลงโทษสถานหนัก ดังนั้นผู้ที่สามารถทำนายกล่าวอ้างออกมาได้และทำให้ผู้คนยอมรับและจดจำกันได้นั้น ก็ย่อมต้องเป็นบุคคลที่มีความสำคัญระดับพระมหากษัตริย์ หรือบุคคลที่พระมหากษัตริย์ให้การยอมรับนับถือ
แต่ก็มีบางสำนัก-บางกลุ่มให้ความเห็นว่า บทกลอนข้างต้น เพิ่งแต่งขึ้นใหม่ในสมัยรัชกาลที่ 6 นี้เอง สมัยอยุธยาหาได้มีบทกลอนนี้ไม่ ซึ่งผู้แต่งอาจใช้เพื่อจุดประสงค์ นัยยะในทางการเมือง บางประการ ?
เกี่ยวกับคำทำนายอนาคตทำนองนี้ เป็นที่รู้กันว่ามีอยู่มากมายในศาสนา-ลัทธิต่างๆ อย่างคติฮินดูมี "นารายณ์อวตารครั้งสุดท้าย" ซึ่งเป็นการทำนายภาวะโลกก่อนวินาศ พระนารายณ์จึงได้อวตารมาแก้ไขวิกฤติปราบยุคเข็ญสร้างยุคใหม่ (ได้เคยเสนอใน Blog นี้แล้ว สนใจรายละเอียด คลิกที่นี่ )
* เครดิตข้อมูล : วิกิพีเดีย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น