วันอาทิตย์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2553

เพราะขงเบ้ง คนไทจึงต้องทิ้งแผ่นดิน!

จากหนังสือ สู่ ภาพยนตร์ "คนไททิ้งแผ่นดิน"

ภาพยนตร์เรื่อง"คนไททิ้งแผ่นดิน" มาจากต้นฉบับหนังสือนวนิยายเรื่องเดียวกันของ "สัญญา ผลประสิทธิ์" (เสียชีวิตแล้ว) เป็นหนังสือรางวัลวรรณกรรมจาก มูลนิธิจอห์น เอฟ เคนเนดี้ ประเทศไทย พ.ศ. 2516
เนื้อหาของหนังสือเป็นเรื่องราวในยุคหลังของยุค "สามก๊ก" แต่ก็มีการอ้างย้อนสืบสาวราวเรื่องเชื่อมโยงไปถึงยุคสามก๊กสมัยที่ "ขงเบ้ง" ได้ปราบเผ่าม่านอันมีผู้นำชื่อ "เบ้งเฮ๊ก" โดยหนังสือมีฐานความเชื่อว่า...เผ่าม่านของเบ้งเฮ็กคนนี้เองที่เป็นต้นตระกูลคนไทยในปัจจุบัน??? และปกหน้าของหนังสือก็มีการโปรยสโลแกนไว้ว่า "เพราะขงเบ้งคนไทจึงต้องทิ้งแผ่นดิน"

และหากท่านใดสนใจอ่านเนื้อหาหนังสือเต็มๆแบบฟรีๆ เขาใจดีจัดไว้ให้แล้ว เข้าไปโหลดที่ http://www.konthaithemovie.com/ebook.html (โหลดด่วน ไม่รับประกัน อาจจะปิดบริการ อีกไม่นาน)

เนื่อเรื่องหนังสือโดยย่อก็คือ... มี "พวกฮาน" ทหารจีนจากราชวงศ์ซือหม่า(ลูกหลานของสุมาอี้ในสามก๊ก) หรือเรียกอีกอย่างว่า ราชวงศ์จิ้นหรือจิ๋น ได้เข้าปกครองแดนม่าน หรือ ดินแดนของบรรพบุรุษ"คนไท"ดั้งเดิม(ซึ่งอยู่ใต้อาณัติจีนมาตั้งแต่สมัย ขงเบ้ง ในยุคสามก๊กแล้ว) ในท้องเรื่อง ตอนแรกพวกทหารจิ้นก็ปกครองได้เรียบร้อยสงบสุขดี แต่ต่อมาคนไทถูกกดขี่ขูดรีดถึงขั้นทนไม่ได้อีกต่อไป จึงต้องออกมาต่อต้านลุกขึ้นสู้เพื่อปลดแอกตัวเอง แต่ท้ายที่สุดราชวงศ์จิ้นก็ส่งแม่ทัพเอกพี่น้องตระกูลจางพร้อมกองกำลังที่ดีสุดลงมาปราบยึดดินแดนม่านของคนไทไว้ได้ทั้งหมด และนักรบฝ่ายไทก็ล้มหายตายจากในการสู้รบครั้งนี้เป็นจำนวนมาก คนไทที่เหลือจึงจำต้องอพยพถอยร่นหนีลงมาทางใต้ ซึ่งก็ยังมีการปะทะกับทหารจี้นที่ติดตามไล่ล่าเป็นระยะๆ แต่ท้ายที่สุดก็หนีรอดพ้นเงื่อมมือทหารจิ้นจนได้ โดยหนีลงมาจนถึงแดนสุวรรณภูมิ หรือ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปัจจุบัน จึงทำการลงรากปักฐาน กลายมาเป็นบรรพบุรุษต้นตระกูลคนไทยต่อมา ???...

...ข้อเท็จจริงที่ว่า เผ่าม่านเป็นบรรพบุรุษไทยจริงหรือเปล่านั้น ยังไม่มีบทพิสูจน์หรือหลักฐานอะไรที่มีน้ำหนักหนักแน่นพอ นักวิชาการยังคงโต้แย้งถกเถียงกันต่อไป... แต่ถ้ามองในแง่การผูกเรื่องร้อยเรียงเนื้อหาของหนังสือเล่มนี้แล้ว ก็จัดได้ว่าเป็นวรรณกรรมปลุกกระแสชาตินิยมที่ได้สอดแทรกมุมมอง-คติแง่คิดได้อรรถรสดีเยี่ยมเลยทีเดียว

ในหนังสือ "สามก๊กฉบับนายทุน ตอน เบ้งเฮ็ก ผู้ถูกกลืนทั้งเป็น" ที่แต่งโดย ผู้แต่ง : ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ก็เชื่อว่า เผ่าของเบ้งเฮ็กคือบรรพบุรุษคนไทยเช่นกัน!


ส่วน "คนไททิ้งแผ่นดิน" ในเวอร์ชั่นภาพยนตร์...ผู้กำกับ “ต๊ะ-นิรัต ติศัย” ได้เปิดเผยว่าตอนนี้หนังสร้างเสร็จสมบูรณ์ 100% แล้ว(หลังจากที่สร้างไป-ดองไป มานมนานหลายปี) และพร้อมฉายให้ได้ชมกันแน่นอนในวันที่ 10 เมษายน 2553 นี้... จะยิ่งใหญ่ทัดเทียม หนัง "นเรศวร" ของ "ท่านมุ้ย" ได้หรือเปล่า? และผลจะออกมาเป็นยังไง?... แจ๋ว หรือ งั้นๆ ก็ไว้ลองดูกัน :)

วันเสาร์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2553

เลิกสูบบุหรี่(นะ)

ไอเดียดีๆ...รณรงค์เลิกสูบบุหรี่

วันอาทิตย์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2553

ที่นี่วุ่นวายหนอ!

- พุทธศาสดา -
เรื่องราวของพระพุทธเจ้า ในรูปแบบการ์ตูนอะนิเมชั่น ชุดใหม่ล่าสุด...

...ในเมืองพาราณสีมีกุลบุตรคนหนึ่งชื่อว่า ยสะ เป็นบุตรของมหาเศรษฐี ได้รับการบำรุงบำเรอด้วยสตรีประโคมขับกล่อม คืนวันหนึ่ง ยสะตื่นขึ้นมาในยามดึกมองเห็นอาการวิปริตต่างๆนานาของหญิงบำเรอเหล่านั้น ราวกับว่าอยู่ท่ามกลางป่าช้าผีดิบ รู้สึกสลดสังเวชใจ จึงเปล่งอุทานว่า “ที่นี่วุ่นวายหนอ ที่นี่ขัดข้องหนอ” พร้อมกับเดินออกจากปราสาทไปอย่างไม่มีจุดหมาย บังเอิญทางที่ไปมุ่งไปสู่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน
พระบรมศาสดาเสด็จจงกรมอยู่ ได้สดับเสียงยสะเดินบ่นพึมพำมา จึงตรัสเรียก“ยสะ ที่นี่ไม่วุ่นวาย ที่นี่ไม่ขัดข้อง” พร้อมกับทรงแสดงพระธรรมเทศนา“อนุปุพพิกถา” และทรงแสดง “สามุกกังสิกาเทสนา (อริยสัจ ๔)” แก่ยสะกุลบุตรเมื่อจบพระธรรมเทศนา ยสกุลบุตรได้ดวงตาเห็นธรรมเป็นพระโสดาบันในพระพุทธศาสนา... (จากตอน ยสกุลบุตรออกบวช)

ขอปรบมือให้กับ "พุทธศาสดา" การ์ตูนอะนิเมชั่นฝีมือทีมคนไทยล้วนๆ ภาพสวยงาม วิจิตรบรรจง นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับเหตุการณ์พุทธประวัติ ช่วงชีวิตตั้งแต่ประสูติ จนถึงปรินิพพาน มีทั้งหมด 40 ตอน ความยาวทั้งสิ้นเกือบๆ 4 ชั่วโมง! (ยาวทีเดียว)แต่ละตอนนอกจากจะเต็มไปด้วยความบันเทิงอันอลังการแล้ว ยังได้แฝงคำสอนจากพระโอษฐ์อันล้ำลึกของพระพุทธเจ้าอันเป็นคติให้ขบคิดมากมาย...

ภาพยนต์ตั้งแต่ต้นจนจบ สามารถชม และ Dowwnload ฟรี ได้ที่เว็บไซต์

http://buddha-thushaveiheard.com/

(คิดว่าคงจะมีทำจำหน่ายในรูปแบบเป็น DVD ด้วยเช่นกัน)

วันพฤหัสบดีที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2553

G-Speak! อวสานเมาส์-คีย์บอร์ด?

และแล้วอินเตอร์เฟซที่ทำให้คนทั่วโลกทึ่งกับความมหัศจรรย์ของมันจากภาพยนต์เรื่อง Minority Report และภาพยนตร์ Sci-fi อีกหลายต่อหลายเรื่อง ก็ได้กลายเป็นจริงในที่สุด โดยผลงานที่ถูกนำมาเปิดเผยล่าสุดนี้เป็นของบริษัท Oblong Industries Inc. มีชื่อเรียกว่า "G-speak" อินเตอร์เฟซที่เปลี่ยนโลกการใช้งานคอมพิวเตอร์ไปอย่างสิ้นเชิง อันอาจจะเป็นการอวสานเมาส์-คีย์บอร์ด?

G-Speak ถือเป็นระบบการป้อนข้อมูลและคำสั่งให้กับคอมพิวเตอร์ที่พัฒนาโดยบริษัท Oblong Industries ระบบ G-Speak มีการใช้หลักการของเทคโนโลยีในการจับท่าทางการเคลื่อนที่ของมือเป็นตัวหลักในการทำงาน โดยผู้ใช้งานจะมีถุงมือเฉพาะในการสวมทั้งสองข้างเพื่อเป็นตัวส่งสัญญาณการเคลื่อนที่ไปยังระบบรับสัญญาณที่ถูกติดตั้งให้เชื่อมต่อกับการทำงานของคอมพิวเตอร์

ตอนนี้ระบบ G-Speak สามารถทำงานได้กับการสั่งแสดงภาพ ภาพเคลื่อนไหว ภาพวิดีโอ ซึ่งในส่วนของการออกคำสั่งก็เพียงแค่ชี้ไปยังตำแหน่งที่ต้องการ หรือท่าทางที่สอดคล้องกับการทำงานของการแสดงผล

John Underkoffler หนึ่งในทีมผู้พัฒนาของบริษัท Oblong Industries กล่าวว่าระบบ G-Speak จะสามารถนำไปใช้งานได้ภายในห้าปีข้างหน้า ซึ่งการทำงานของระบบ G-Speak จะมีการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีการจับท่าทางเพื่อสั่งงานอุปกรณ์อิเลกทรอนิกส์ รวมไปถึงการเชื่อมต่อของเครือข่ายและสัญญาณต่างๆ

ระบบ G-Speak สามารถป้อนคำสั่งไปสั่งการทำงานแทนคีย์บอร์ดและเม้าส์โดยใช้การสวมถุงมือ และแสดงท่าทางของมือในการสั่งการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการชี้ตำแหน่ง หรือการเคลื่อนไหวของมือ ซึ่งระบบสามารถรองรับการสั่งงานจากมือหลายๆมือได้ การทำงานของระบบจะสามารถจับการเคลื่อนไหวของมือและนิ้วได้ 0.1 มิลลิเมตร ใน 100 Hz

ระบบ G-Speak จะมีประสิทธิภาพมากกับการสั่งงานของการแสดงผลข้อมูลเป็นรูปภาพหรือการการเลือก เลื่อนหน้าจอบนหน้าจอขนาดใหญ่ เช่นในการเสนอผลงาน การสอนหรือในการรายงานข่าว รายงานผลเป็นภาพแสดงแผนภาพต่างๆ ที่ค่อนข้างไม่สะดวกเมื่อมีการสั่งงานโดยใช้คีย์บอร์ดหรือเม้าส์

ขณะนี้ระบบ G-Speak มีการใช้งานในบริษัทเครือฟอร์จูนกว่า 50 บริษัท และมหาวิทยาลัยชั้นนำบางแห่ง รวมถึงหน่วยงานของรัฐบาลบางหน่วย