วันอังคารที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2555

"อิคคิวซัง" ตัวจริงในประวัติศาสตร์

หากย้อนไปเมื่อ 20 กว่าปีก่อน ในไทยมีการ์ตูนญี่ปุ่นที่เข้ามาฉายในไทยอยู่ไม่กี่เรื่อง ที่รู้จักกันดี ก็เช่น โดราเอม่อน อาราเร่ ผีน้อยคิวทาโร่ และโดยเฉพาะ อิคคิวซัง ...ซึ่งหลายๆ คนคงจะคุ้นๆ จำกันได้ดี จนทุกวันแม้แต่เด็กรุ่นใหม่ก็ยังรู้จัก "เณรน้อยเจ้าปัญญา อิคคิวซัง" ความน่ารักของตัวการ์ตูน และเนื้อหาที่สนุกสนาน ยังคงมาสร้างความบันเทิง ในบ้านเราไม่มีวันจบสิ้น อิคคิวซัง จึงเป็นการ์ตูนอมตะอีกเรื่องหนึ่ง

แต่จะมีใครรู้บ้างว่าที่ญี่ปุ่น พระอิคคิวซัง มีตัวตนอยู่จริง มีหลักฐานต่างๆ ที่ยืนยันว่า "อิคคิวซัง" ไม่ได้เป็นแค่การ์ตูน แต่กลับเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น เลยทีเดียว


- ก่อนอื่น ฟังเพลงซาบซึ้งกินใจ "อิคคิวซัง ตอนจบ" คำแปลไทย -
ตุ๊กตาแขวนของแม่ ให้อิคคิวซังไว้ดูต่างหน้าเมื่อยามไกลกัน


ท่านแม่ครับ สบายดีหรือเปล่า
เมื่อคืนผมเห็นดาวดวงหนึ่งส่องแสงสุกใสงอยู่บนปลายยอดไม้ซีด้า
เมื่อจ้องมองดาวดวงนั้นผมรู้สึกถึงความอ่อนโยนของท่านแม่
ผมคุยกับดวงดาวนั้นว่าผมเป็นลูกผู้ชายจะไม่ท้อแท้
ถ้าเมื่อใดที่ผมเหงาผมจะมาคุยด้วยอีก
แค่นี้นะครับ แล้วจะเขียนจดหมายไปหาท่านแม่อีก...อิ๊กคิว

ท่านแม่ครับ สบายดีหรือเปล่า
เมื่อวานนี้ที่วัดของเรามีคนจากหมู่บ้านข้างๆเอาลูกแมวตัวน้อยมาให้
เจ้าแมวน้อยร้องไห้เพราะว่ายังติดแม่ของมันอยู่
ผมบอกกับมันว่าอย่าร้องไห้ไปเจ้าจะไม่เหงาหรอก
เป็นลูกผู้ชายใช่ไหม แล้ววันหนึ่งเจ้าจะได้เจอแม่เอง
แค่นี้นะครับ แล้วจะเขียนจดหมายไปหาท่านแม่อีก...อิ๊กคิว

..........................................................


- ประวัติชีวิตอันโลดโผนของ "อิคคิวซัง" ตัวจริง! ในประวัติศาสตร์ -
(ชีวิตจริงกับในการ์ตูน มันแตกต่างกันมาก)

รูปปั้นเณรน้อยเจ้าปัญญา อิคคิว โซจุน หรือที่คุ้นเคยว่า "อิคคิวซัง" นั้นเอง(ญี่ปุ่น: 一休宗純 Ikkyū Sōjun ?) (พ.ศ. 1937–2024) เป็นพระนิกายเซนชาวญี่ปุ่นที่มีชีวิตอยู่ในช่วงยุคมุโระมะจิ และเป็นต้นแบบของอิคคิวซังในการ์ตูนเณรน้อยเจ้าปัญญา...รูปขวา ภาพวาด พระอิกคิวซังวัยกลางคน
เมื่อ 600 ปีที่ผ่านมาเป็นยุค มุโระมะจิ (Muromachi) (ประมาณพศ.1338-1573)...มีพระในนิกายเซน ถือกำเนิดขึ้นที่ใครๆ รู้จักกันดีในนาม "Ikkyu San หรือ อิคคิวซัง"...พ่อของเขาคือจักรพรรดิ Gokomatsu ซึ่งมีชายาสองฝ่าย คือ Nantyo (ชายาฝ่ายใต้) และ Hokutyo (ชายาฝ่ายเหนือ)

แม่ของอิคคิวซังคือ Nantyo (นันอีโย) แต่กลับเป็นภรรยาชั้นรองของจักรพรรดิ และทรงตั้งครรภ์...จักรพรรดิเกรงอำนาจของชายาฝ่ายเหนือ...แม่ของอิคคิวซัง โดยพิษการเมืองในวังเล่นงานจึงต้องออกจากราชวังตั้งแต่อิคคิวซังยังไม่เกิด...ต่อมาอิคคิวซังได้ถือกำเนิด เมื่อวันที่ 1 ม.ค. ค.ศ.1349 หรือ พ.ศ.1892 ณ เมืองซะกะโน ใกล้เมืองเกียวโต โดยมีชื่อในวัยเด็กว่า "เซนงิกามารุ" และเมื่อโตขึ้นแล้วพระนางนันอีโยได้ส่งอิคคิวซังมาบวชเรียนที่ "วัดอังโกะกุจิ" ตอนอายุได้ 6 ขวบ เพื่อหนีภัยการเมือง และหลายครั้งเธอไม่ยอมพบกับอิคคิวซัง เพราะต้องการให้อิคคิวซังเป็นคนเข้มแข็งไม่ติดแม่

เซนงิกามารุ หรือ อิคคิวซังตั้งอกตั้งใจศึกษาพระธรรม ความเจ้าปัญญาฉายแววขึ้นตามอายุ ในวัยประมาณ 10 ขวบ อิคคิวซังแต่งกลอนวิพากษ์วิจารณ์ความประพฤติที่ไม่เหมะสมของพระภิกษุนิกายหนึ่งที่กอบโกยทรัพย์สินยศฐาบรรดาศักดิ์บนความทุกข์ยากของชาวบ้าน

พออายุ 13 ปี มีโอกาสเข้าพบแม่ทัพใหญ่ชื่อ "อาซิคะงะโยชิมิสึ" หรือ "ท่านโชกุน" ในการ์ตูนนั่นเอง

อายุได้ 17 ปี อิคคิวซังได้ออกจากวัดอังโกะกุจิฝากตัวเป็นศิษย์ของ "หลวงพ่อเคนโอ" ที่วัดไซกอนจิ ณ วัดแห่งนี้หลวงพ่อเคนโอเน้นการปฏิบัติโดยต้องทำงานอย่างหนัก และต้องอยู่กับสิ่งสกปรกเสียเป็นส่วนใหญ่

ต่อมาหลวงพ่อมรณภาพ อิคคิวซังจึงเดินทางไปวัด "อิชิยามา" อดอาหาร 7 วัน 7 คืน เพื่อสวดมนต์อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้อาจารย์ต่อหน้าพระโพธิสัตว์ ด้วยความเสียใจนี้เองจึงคิดฆ่าตัวตาย ระหว่างที่เดินลงไปแม่น้ำเซตะ อิคคิวซังจึงอธิษฐานจิตว่า "ถ้าพระโพธิสัตว์ต้องการให้ข้าพเจ้ามีชีวิตอยู่ก็ขอให้ข้าพเจ้าฆ่าตัวตายไม่สำเร็จ แต่หากชีวิตข้าพเจ้าไร้ซึ่งคุณค่าเสียแล้ว ข้าพเจ้าขออุทิศสังขารให้เป็นอาหารของปลาและสัตว์น้ำ" ระหว่างที่ดิ่งลงในท้องน้ำ อิคคิวซังก็นึกถึงหน้าท่านแม่และคำสอนขึ้นมาทันใด "เป็นลูกผู้ชายต้องไม่ย่อท้อ" อิคคิวซังจึงเปลี่ยนใจตะเกียกตะกายกลับขึ้นฝั่ง

หลังจากนั้น พอท่านอายุได้ 23 ปี ก็ไปฝากตัวเป็นศิษย์ของหลวงพ่อ "คะโซ" แห่งวัดโคอัน ซึ่งเป็นพระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ แต่พอใจที่จะใช้ชีวิตอย่างสมถะและพอใจในวัตรปฏิบัติอย่างเคร่งครัดและหนักหน่วง อิคคิวซังต้องทำงานทั้งวัน นอกจากใช้แรงงานในวัดแล้ว อิคคิวซังยังต้องสานรองเท้า เย็บเสื้อผ้าตุ๊กตาผู้หญิง และออกไปขายแรงงาน! ในหมู่บ้านละแวกนั้น ซ้ำยังโดนพระรุ่นพี่ที่ไม่ชอบหน้ากลั่นแกล้ง ทำร้าย-เตะต่อยอยู่เสมอ แต่อิคคิวซังก็อดทนในที่สุดความพยายามที่จะค้นหาสัจธรรมก็สำเร็จ เมื่ออิคคิวซังสามารถแก้ปริศนาธรรมที่หลวงพ่อคะโซตั้งไว้ได้สำเร็จ ด้วยวัยเพียง 25 ปีเท่านั้น และที่นี่เอง ที่ได้รับฉายาใหม่ว่า "อิคคิว โซจุน" หรือคำไทยว่า อิคคิวซัง อันหมายถึง "รู้พ้นจากโลกสมมติตามบัญญัติของลัทธิเซน" อิคคิวซังน่าจะเป็นพระภิกษุที่บรรลุธรรมในขณะอายุยังน้อยรูปหนึ่งในพระพุทธศาสนา ท่านบรรลุธรรมในขณะที่นั่งสมาธิบนเรือริมฝั่งทะเลสาบ... "เหตุแห่งความทุกข์และความเศร้าหมองที่เกิดขึ้นในชีวิตล้วนเกิดจากจิตที่เต็มไปด้วยอัตตา" คือแก่นธรรมที่ท่านค้นพบ

เมื่อทราบว่าอิคคิวซังสามารถบรรลุแก่นธรรม หลวงพ่อคะโซมีความประสงค์ที่จะมอบใบสำเร็จเปรียญธรรม และตำแหน่งเจ้าอาวาสให้อิคคิวซังสืบทอด แต่อิคคิวซังปฏิเสธด้วยเหตุผลว่า "ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นสิ่งสมมติ" ท่านจึงขอลาออกธุดงค์

กระทั่งอายุ 34 ปี อิคคิวซังมีโอกาสเข้าเฝ้าท่านพ่อ ซึ่งเป็นองค์จักรพรรดิ ชีวิตในช่วง34นี้เองที่เป็นที่กล่าวขวัญถึง และขยาดหวาดกลัวและเกลียดชังจากภิกษุด้วยกัน ครั้งหนึ่ีงอิคคิวซังเคยไปร่วมงานครบรอบวันมรณภาพของพระผู้ใหญ่รูปหนึ่งด้วยสภาพมอมแมมสกปรกจีวรหลุดลุ่ย พร้อมทั้งด่าทอพระที่มือถือสากปากถือศีล เพราะในสมัยนั้นมีพระภิกษุชั้นผู้ใหญ่จำนวนมากที่ทำตัวเคร่งพระวินัย ถึงขนาดบอกว่าผู้หญิงเป็นมารศาสนา แต่กลับลักลอบให้แม่เล้า-แมงดานำโสเภณีมาบำเรอถึงในกุฏิ

นอกจากนี้อิคคิวซังยังต่อต้านพระผู้มีอิทธิพล มีหลายรูปที่หลอกชาวบ้านว่าจะสามารถบรรลุธรรมได้หากบริจาคปัจจัยให้พระมากๆ...อิคคิวซังปฏิเสธสังคมวงการพระในขณะนั้นอย่างรุนแรง และอิคคิวได้ทำทุกอย่างที่ถือว่าเป็นอาบัติ! เช่น ดื่มสุรา เล่นการพนัน ฉันเนื้อสัตว์ ไม่โกนผมและหนวดเครา เดินเข้าออกซ่องโสเภณีอย่างเปิดเผยเป็นว่าเล่น!...การกระทำแบบนี้อิคคิวซังต้องการประชดต่อต้านและเสียดสีพระจอมปลอมในยุคนั้นให้ละอายกับการลวงโลก อิคคิวซังคบหาและปฏิบัติกับโสเภณีอย่างเปิดเผยสุภาพและให้เกียรติ ท่านเคยแบ่งส้มจากบาตรให้โสเภณีอดอยากทาน ทั้งยังเคยปีนเขาเสี่ยงตายไปหาสมุนไพรมารักษาโสเภณีที่ป่วยหนักแม้ว่าต่อมาจะเสียชีวิตก็ตาม

เมื่อท่านอายุได้ 75 พรรษา ระหว่างที่ธุดงค์เร่ร่อนหลบภัยสงครามภายในประเทศมาอยู่ที่เมืองซึมิโยชิ ท่านได้พบกับ "โมริ" ศิลปินหญิงขอทานตาบอด! ซึ่งภายหลังท่านได้รับเลี้ยงดูนาง ทั้งคู่ได้ใช้ชีวิตร่วมกันคืนเดียว โมริก็หนีไปเพราะเกิดความอับอายและเกรงว่าตนเองจะทำให้อิคคิวซังเสื่อมเสียชื่อเสียงแต่นางก็กลับมาหาอิคคิวซังอีกหน เพราะไม่สามารถดำรงชีวิตลำพังได้ในสภาวะสงครามได้

เมื่ออายุได้ 85 พระจักรพรรดิแต่งตั้งให้อิคคิวซังเป็นเจ้าอาวาสวัดไดโตะกุจิ ซึ่งเป็นวัดหลวงที่สำคัญที่สุดในสมัยนั้น เมื่อไม่สามารถขัดพระราชประสงค์ได้ อิคคิวซังจึงยอมรับตำแหน่ง แต่เพียงแค่วันเดียว! ก็ลาออกกลับมาอยู่วัด เมียวโชจิ ที่ท่านสร้างขึ้นเอง จวบจนวาระสุดท้าย หลังจากกลับมาอยู่วัดนี้ ได้เพียง 2 ปีท่านเป็นมาเลเรีย ท่านละสังขารในท่านั่งสมาธิในอ้อมกอดของ โมริ ในวันที่ 21 พฤศจิกายน ค.ศ.1481 หรือ พ.ศ.2024 เมื่ออายุได้ 88 ปี

*** ชินเนม่อน รู้จักกับอิคคิวตอนอายุ 30 ปี จากการถามตอบ ปุจฉา-วิสัจฉนา ชินเนม่อนเป็นทหารรับใช้ท่านโชกุนอาชิคางะ โยชิโนริ (โชกุนลำดับที่ 6 ในรัฐบาลมุโรมะจิ) ทำหน้าที่ดูแลการเงินของรัฐบาล มีพรสวรรค์ในการแต่งโครงกลอนเป็นเลิศ ออกติดตามเป็นลูกศิษย์อิคคิวในช่วงบั้นปลายชีวิตเพื่อศึกษาพระธรรม

*เครดิตข้อมูล : mthai.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น