วันพุธที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2554

กระเบื้องจะเฟื่องฟูลอย น้ำเต้าอันลอยจะถอยจม


เพลงยาว พยากรณ์กรุงศรีอยุธยา


เพลงยาวพยากรณ์กรุงศรีอยุธยา เป็นบทร้อยกรองประเภทเพลงยาว มีเนื้อหาเกี่ยวกับการพยากรณ์สถานการณ์ในอนาคตว่าจะเกิดอาเพศ-วิปริตลางบอกเหตุต่างๆ ประสบวิบัติ ภัยนานา...ก่อนที่กรุงศรีฯจะล่มสลาย โดยความเชื่อกระแสหลักคาดว่า กลอนนี้ประพันธ์ขึ้นราวสมัยรัชกาลสมเด็จพระเจ้าปราสาททองถึงสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ส่วนผู้ประพันธ์ยังไม่อาจระบุตัวได้แน่ชัด...

กล่าวกันว่า...เพลงยาวพยากรณ์กรุงศรีอยุธยาแต่งขึ้นเลียนแบบมหาสุบินชาดก และนิทาน "พยาปัถเวน (ปเสนทิโกศล) ทำนายฝัน" ชาดกและนิทานดังกล่าวเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ พระสุบินนิมิต สิบหกประการ ของประการของพระเจ้าปเสนทิโกศลที่ได้ทูลถามคำพยากรณ์จากพระพุทธเจ้า (ซึ่้งตรงกับจำนวนมหัศจรรย์ ๑๖ ประการในเพลงยาวฯ)...อาทิกรณี “กระเบื้องจะเฟื่องฟูลอย น้ำเต้าอันลอยจะถอยจม” ของเพลงยาวพยากรณ์กรุงศรีอยุธยา คล้ายกับพระสุบิน ข้อ 12 กับข้อ 13 ของพระเจ้าปะเสนทิ แตกต่างกันที่ข้อ 13 นั้น พระเจ้าปะเสนทิทรงพระสุบินเห็นเป็น หินก้อนใหญ่เท่าเสาเรือนลอยน้ำ ไม่ใช่กระเบื้อง

- ภาพวาด บรรยากาศเสียกรุง วาระสุดท้ายกรุงศรีอยุธยา โดนเผาเมืองวอดวาย -
ในพระนิพนธ์ของสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ กล่าวว่า...ผู้แต่งเพลงยาวคงจะเห็นวิปริตต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นตามคำพยากรณ์พระสุบินนิมิตสิบหกประการของประการของพระเจ้าปเสนทิโกศล ข้างต้น...จึงได้แรงบันดาลใจแต่งเอาไว้ด้วยความอาลัยกรุงศรีอยุธยา เป็นการบันทึกเรื่องราวเป็นอุทาหรณ์ไว้ให้คนรุ่นหลัง...


จะกล่าวถึงกรุงศรีอยุธยา
เป็นกรุงรัตนราชพระศาสนามหาดิเรกอันเลิศล้น
เป็นที่ปรากฏรจนาสรรเสริญอยุธยาทุกแห่งหน
ทุกบุรีสีมามณฑลจบสกลลูกค้าวาณิช
ทุกประเทศสิบสองภาษาย่อมมาพึ่งกรุงศรีอยุธยาเป็นอัครนิตย์
ประชาราษฎร์ปราศจากภัยพิษทั้งความพิกลจริตแลความทุกข์
ฝ่ายองค์พระบรมราชาครองขัณฑสีมาเป็นสุข
ด้วยพระกฤษฎีกาทำนุกจึ่งอยู่เย็นเป็นสุขสวัสดี
เป็นที่อาศัยแก่มนุษย์ในใต้หล้าเป็นที่อาศัยแก่เทวาทุกราศี
ทุกนิกรนรชนมนตรีคหบดีชีพราหมณพฤฒา
ประดุจดั่งศาลาอาศัยดั่งหนึ่งร่มพระไทรอันสาขา
ประดุจหนึ่งแม่น้ำพระคงคาเป็นที่สิเน่หาเมื่อกันดาน
ด้วยพระเดชเดชาอานุภาพอาจปราบไพรีทุกทิศาน
ทุกประเทศเขตขัณฑ์บันดาลแต่งเครื่องบรรณาการมานอบนบ
กรุงศรีอยุธยานั้นสมบูรณ์เพิ่มพูนด้วยพระเกียรติขจรจบ
อุดมบรมสุขทั้งแผ่นพิภพจนคำรบศักราชได้สองพัน
คราทีนั้นฝูงสัตว์ทั้งหลายจะเกิดความอันตรายเป็นแม่นมั่น
ด้วยพระมหากษัตริย์มิได้ทรงทศพิธราชธรรม์จึงเกิดเข็ญเป็นมหัศจรรย์ สิบหกประการ
คือเดือนดาวดินฟ้าจะอาเพศอุบัติเหตุเกิดทั่วทุกทิศาน
มหาเมฆจะลุกเป็นเพลิงกาฬเกิดนิมิตพิศดารทุกบ้านเมือง
พระคงคาจะแดงเดือดดั่งเลือดนกอกแผ่นดินเป็นบ้าฟ้าจะเหลือง
ผีป่าก็จะวิ่งเข้าสิงเมืองผีเมืองนั้นจะออกไปอยู่ไพร
พระเสื้อเมืองจะเอาตัวหนีพระกาฬกุลีจะเข้ามาเป็นไส้
พระธรณีจะตีอกไห้อกพระกาฬจะไหม้อยู่เกรียมกรม
ในลักษณ์ทำนายไว้บ่ห่อนผิดเมื่อวินิศพิศดูก็เห็นสม
มิใช่เทศกาลร้อนก็ร้อนระงมมิใช่เทศกาลลมลมก็พัด
มิใช่เทศกาลหนาวก็หนาวพ้นมิใช่เทศกาลฝนฝนก็อุบัติ
ทุกต้นไม้หย่อมหญ้าสาระพัดเกิดวิบัตินานาทั่วสากล
เทวดาซึ่งรักษาพระศาสนาจะรักษาแต่คนฝ่ายอกุศล
สัปบุรุษจะแพ้แก่ทรชนมิตรตนจะฆ่าซึ่งความรัก
ภรรยาจะฆ่าซึ่งคุณผัวคนชั่วจะมล้างผู้มีศักดิ์
ลูกศิษย์จะสู้ครูพักจะหาญหักผู้ใหญ่ให้เป็นน้อย
ผู้มีศีลจะเสียซึ่งอำนาจนักปราชญ์จะตกต่ำต้อย
กระเบื้องจะเฟื่องฟูลอยน้ำเต้าอันลอยนั้นจะถอยจม
ผู้มีตระกูลจะสูญเผ่าเพราะจันฑาลมันเข้ามาเสพสม
ผู้มีศีลนั้นจะเสียซึ่งอารมณ์เพราะสมัครสมาคมด้วยมารยา
พระมหากระษัตริย์จะเสื่อมสิงหนาทประเทศราชจะเสื่อมซึ่งยศถา
อาสัตย์จะเลื่องลือชาพระธรรมาจะตกลึกลับ
ผู้กล้าจะเสื่อมใจหาญจะสาบสูญวิชาการทั้งปวงสรรพ
ผู้มีสินจะถอยจากทรัพย์สัปบุรุษจะอับซึ่งน้ำใจ
ทั้งอายุศม์จะถอยเคลื่อนจากเดือนปีประเวณีจะแปรปรวนตามวิสัย
ทั้งพืชแผ่นดินจะผ่อนไปผลหมากรากไม้จะถอยรส
ทั้งแพทยพรรณว่านยาก็อาเพศเคยเป็นคุณวิเศษก็เสื่อมหมด
จวงจันทน์พรรณไม้อันหอมรสจะถอยถดไปตามประเพณี
ทั้งข้าวก็จะยากหมากจะแพงสาระพันจะแห้งแล้งเป็นถ้วนถี่
จะบังเกีดทรพิษมิคสัญญีฝูงผีจะวิ่งเข้าปลอมคน
กรุงประเทศราชธานีจะเกิดการกุลีทุกแห่งหน
จะอ้างว้างอกใจทั้งไพร่พลจะสาละวนทั่วโลกทั้งหญิงชาย
จะร้อนอกสมณาประชาราชจะเกิดเข็ญเป็นอุบาทว์นั้นมากหลาย
จะรบราฆ่าฟันกันวุ่นวายฝูงคนจะล้มตายลงเป็นเบือ
ทางน้ำก็จะแห้งเป็นทางบกเวียงวังก็จะรกเป็นป่าเสือ
แต่สิงห์สารสัตว์เนื้อเบื้อนั้นจะหลงหลอเหลือในแผ่นดิน
ทั้งผู้คนสาระพัดสัตว์ทั้งหลายจะสาบสูญล้มตายเสียหมดสิ้น
ด้วยพระกาฬจะมาผลาญแผ่นดินจะสูญสิ้นการณรงค์สงคราม
กรุงศรีอยุธยาจะสูญแล้วจะลับรัศมีแก้วเจ้าทั้งสาม
ไปจนคำรบปีเดือนคืนยามจนสิ้นนามศักราชห้าพัน
กรุงศรีอยุธยาเขษมสุขแสนสนุกยิ่งล้ำเมืองสวรรค์
จะเป็นเมืองแพศยาอาธรรม์นับวันจะเสื่อมสูญเอยฯ


.........................................................

ข้อเท็จจริง ? - ข้อสันนิษฐาน ?

เพลงยาวฯ นี้ ปรากฏอยู่ในหนังสือ "อธิบายแผนที่พระนครศรีอยุธยา" ซึ่งมหาอำมาตย์โทพระยาโบราณราชธานินทร์ (พร เดชะคุปต์) อดีตสมุหเทศาภิบาลมณฑลอยุธยา และอดีตอุปนายกราชบัณฑิตยสภา แผนกโบราณคดี พิมพ์ทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวในการพระราชพิธีทรงบวงสรวงอดีตมหาราชเจ้าที่พระนครศรีอยุธยา เมื่อ พ.ศ. 2459

สันนิษฐานว่าเพลงยาวนี้มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา แต่นักวิชาการยังไม่อาจสรุปแน่ชัดว่าใครเป็นผู้แต่ง แม้ว่าในตอนท้ายของบทกลอนได้บันทึกกำกับไว้ว่า "พระนารายณ์เป็นเจ้านพบุรีทำนาย..." หากว่าเป็นจริงตามนั้น "พระนารายณ์" ก็หมายถึงสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ส่วน"นพบุรี"คือเมืองลพบุรี

สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้ทรงอธิบายไว้ในคำนำหนังสือดังกล่าว มีความตอนหนึ่งว่า "...เพลงยาวพยากรณ์กรุงศรีอยุธยา อ้างไว้ข้างท้ายว่าเปนพระราชนิพนธ์ของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เพลงยาวนี้มีหลักฐานควรเชื่อแต่ว่าแต่งเมื่อครั้งกรุงศรีอยุธยาเปนราชธานี ด้วยในคำให้การของพวกชาวกรุงเก่าที่พม่าจับไปถามคำให้การเมื่อครั้งเสียกรุงศรีอยุธยาได้กล่าวอ้างถึง แต่ข้อที่ว่าเปนพระราชนิพนธ์สมเด็จพระนารายณ์มหาราชนั้นไม่มีหลักฐานอย่างอื่นนอกจากที่มีเขียนอ้างไว้กับเพลงยาว ปลาดอยู่ที่เพลงยาวบทนี้ยังมีผู้ท่องจำกันมาได้แพร่หลายจนในกรุงรัตนโกสินทร์นี้ แต่เรียกกันว่าเพลงยาวพุทธทำนาย...”

ในหนังสือ “คำให้การชาวกรุงเก่า” ก็มีเรื่องคำพยากรณ์กรุงศรีอยุธยานี้เช่นกัน กล่าวว่าเป็นพระราชนิพนธ์ของพระพุทธเจ้าเสือ แต่มีเนื้อความสั้นกว่าและปรากฏความเป็นร้อยแก้ว ซึ่งสันนิษฐานเพิ่มเติมได้อีกว่า เพลงยาวฯ นี้อาจแต่งขึ้นเพื่อใช้ทำลายขวัญกำลังใจสาธารณะอันเป็นจิตวิทยาทางการเมือง เพราะบทกลอนดังกล่าวมีเนื้อความคล้ายกับร่ายของพระเจ้าสุริเยนทราธิบดีหรือพระเจ้าเสือที่ทรงประพันธ์ขึ้นมาเพื่อใช้ในปฏิบัติการจิตวิทยาทางการเมืองในปลายรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ซึ่งต่อมาผู้นำในสมัยรัตนโกสินทร์ก็ใช้ประโยชน์จากบทกลอนดังกล่าวมาอธิบายเหตุการณ์การเสียกรุงศรีอยุธยาโดยมีเป้าหมายในทางการเมืองที่ต่างไปจากพระเจ้าเสือ

สรุปสังเขปก็คือ ถ้าหากว่าเพลงยาวนี้ได้ถูกแต่งในสมัยอยุธยาจริง อาจกล่าวได้ว่า

1. ผู้แต่งจะต้องเป็นบุคคลที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง มีความสามารถในทางโหราศาสตร์หรือทางจิตวิทยาและเป็นนักประพันธ์นำมาผนวกกับเรื่องราวของพุทธทำนายดังกล่าวข้างต้น

2. เพลงยาวฯ นี้อาจใช้เป็นจุดประสงค์ในทางการเมือง

ข้อสังเกตอีกประเด็นหนึ่งก็คือ การทำนายชะตาบ้านเมืองไปในทางเลวร้ายเช่นนี้ถือเป็นเรื่องคอขาดบาดตายและเป็นการอัปมงคล หากเป็นการแต่งโดยบุคคลธรรมดาก็อาจจะถูกลงโทษสถานหนัก ดังนั้นผู้ที่สามารถทำนายกล่าวอ้างออกมาได้และทำให้ผู้คนยอมรับและจดจำกันได้นั้น ก็ย่อมต้องเป็นบุคคลที่มีความสำคัญระดับพระมหากษัตริย์ หรือบุคคลที่พระมหากษัตริย์ให้การยอมรับนับถือ

แต่ก็มีบางสำนัก-บางกลุ่มให้ความเห็นว่า บทกลอนข้างต้น เพิ่งแต่งขึ้นใหม่ในสมัยรัชกาลที่ 6 นี้เอง สมัยอยุธยาหาได้มีบทกลอนนี้ไม่ ซึ่งผู้แต่งอาจใช้เพื่อจุดประสงค์ นัยยะในทางการเมือง บางประการ ?

เกี่ยวกับคำทำนายอนาคตทำนองนี้ เป็นที่รู้กันว่ามีอยู่มากมายในศาสนา-ลัทธิต่างๆ อย่างคติฮินดูมี "นารายณ์อวตารครั้งสุดท้าย" ซึ่งเป็นการทำนายภาวะโลกก่อนวินาศ พระนารายณ์จึงได้อวตารมาแก้ไขวิกฤติปราบยุคเข็ญสร้างยุคใหม่ (ได้เคยเสนอใน Blog นี้แล้ว สนใจรายละเอียด คลิกที่นี่ )

* เครดิตข้อมูล : วิกิพีเดีย

วันจันทร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2554

ระลึกชาติ เวรกรรม วิญญาณ?_2


... เรื่องทำนอง ชาติหน้า, ชาติก่อน, เวียนว่ายตายเกิด กลับชาติมากเกิด ฯลฯ ...

... มีจริง ? ? ? หรือไม่ ... ? ? ?

(เคยเสนอกรณี ด.ญ.พิมพวดี โหสกุล สื่อวิญญาณ! มาก่อนหน้าแล้ว)

ลองมาดู อีกกรณี ปู วิชชุดา กลับชาติมาเกิด
ในรายการตีสิบ (23 เมษา 53 )

- โปรดใช้วิจารณญาณในการชม -











วันอังคารที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2554

ระลึกชาติ เวรกรรม วิญญาณ?_1



... เรื่องทำนอง บุญกรรม, เวรกรรม, กฏแห่งกรรม, ระลึกชาติ, ชาติหน้า, ชาติก่อน, วิญญาณ, บาปบุญคุณโทษ, นรก, สวรรค์, เวียนว่ายตายเกิด ฯลฯ ...

... มีจริง ? ? ? หรือไม่ ... ? ? ?


ลองมาย้อนดู กรณี ด.ญ.พิมพวดี โหสกุล สื่อวิญญาณ!
ในรายการตีสิบ (10 พ.ย.52 )

- โปรดใช้วิจารณญาณในการชม -








วันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2554

การ์ตูนไทย มีแวว ผงาด!


ร่วมส่งเสริม-สนับสนุน นักวาดการ์ตูนไทย ให้ผงาดระดับโลก!

จากยุคการ์ตูนไทยในอดีตที่คุ้นเคยกันในลักษณะการ์ตูนเล่มละบาท-การ์ตูนขำๆเล่มบางๆอ่านฆ่าเวลา ซึ่งถือได้ว่าอิ่มตัวนานแล้วและได้ความนิยมลดน้อยลงเรื่อยมา(จนเกือบสูญพันธุ์!) วงการการ์ตูนไทยแทบหยุดนิ่งก็ว่าได้...

............................................................

...แล้วในที่สุดมาถึงยุคปัจจุบัน เริ่มมีกระแสกลับมาคึกคัก โดยนักเขียนการ์ตูนไทยรุ่นใหม่ๆหลายคนได้พลิกโฉมหน้าการ์ตูนไทยในรูปแบบใหม่หมด ด้วยเนื้อหาที่สร้างสรรค์แหวกแนว จินตนาการสนุกสนาน +กับฝีมือลายเส้นสมัยใหม่-สวยงาม-แต่ละคนล้วนมีเอกลักษณ์ในแบบฉบับเฉพาะตัว วงการการ์ตูนต่างชาติถึงกับเริ่มให้ความสนใจจับตามอง เรียกว่า มีแววรุ่ง ผงาดถึงระดับโลกเลยได้ทีเดียว...ส่วนจะไปได้ระดับไหนก็ขึ้นอยู่กับคนไทยกันเอง(และโดยเฉพาะภาครัฐ) ให้ความสำคัญ สนับสนุนส่งเสริมมากน้อยเพียงใด?...ลองมาดูตัวอย่างนักเขียนการ์ตูนไทยชื่อดัง มีผลงานโดดเด่นในยุคปัจจุบันซัก 4 ท่าน...

"สุทธิชาติ ศราภัยวานิช" นักเขียนการ์ตูนชื่อดัง เจ้าของผลงานไอเดียสร้างสรรค์เป็นที่ยอมรับกล่าวขวัญถึงนั่นคือการ์ตูนชุด : "นักสืบโจ หัวปลาหมึก Joe the Sea-cret Agent"...เรื่องราวหลังจากโลกเหลือพื้นน้ำเพียง 1 ใน 4 สัตว์น้ำต่างวิวัฒนาการขึ้นมาอยู่ร่วมกับมนุษย์ ยุคสมัยที่สับสน ยุ่งเหยิงและเฮฮา ตัวเอกของเรื่องคือ นักสืบหัวปลาหมึก นาม "โจ" และตัวละครอื่นๆ ที่จินตนาการได้พิลึกพิลั่น...



“บ้านเรายังมองการ์ตูนเป็นเรื่องสำหรับเด็ก ไม่ได้มองการ์ตูนเป็นสื่อชนิดหนึ่ง ที่ต่างประเทศการ์ตูนคือสื่อที่ส่งสารให้ผู้อ่านได้ง่ายเป็นสนุก อย่างที่ญี่ปุ่น แมกกาซีนเกือบทุกเล่มทุกแนวจะมีการ์ตูนแทรกอยู่ ส่วนหนึ่งมาจากการที่เราไปตีกรอบให้มัน คนที่วาดการ์ตูนสำหรับผู้ใหญ่ก็จะน้อยลง คนที่จะเขียนการ์ตูนต้องใจรักมากๆ ถึงจะมาเขียนการ์ตูนเพื่อเป็นอาชีพได้" ...สุทธิชาติ ศราภัยวานิช...อ่านบทสัมภาษณ์ สุทธิชาติ เพิ่มเติมได้ คลิกที่นี่
............................................................

"เอกสิทธิ์ ไทยรัตน์" นักเขียนการ์ตูนชื่อดัง เจ้าของผลงานเป็นที่กล่าวขวัญถึงชุด : "รวมเรื่องสั้นจิตหลุด My Mania" เอกสิทธิ์ เคยได้รับรางวัลการเขียนการ์ตูนในระดับนานาชาติมาแล้วหลายรางวัล โดยเฉพาะรางวัลชนะเลิศจากการประกวดเขียนการ์ตูนของ น.ส.พ.โยมิอูริ ขิมบุน ในประเทศญี่ปุ่น ผลงานการ์ตูน "รวมเรื่องสั้นจิตหลุด" ของเขาได้นำมาสร้างเป็นภาพยนตร์คือ 13 เกมสยอง (The 13th Quiz Show) ผลงานอื่นๆทางด้านการเขียนบทภาพยนตร์ ได้แก่ บอดี้ ศพ 19, ฝัน-หวาน-อาย-จูบ ตอน หวาน และต่อมาเขายังได้กลายเป็นผู้กำกับเองอีกต่างหากในภาพยนตร์เรื่อง "หลุดสี่หลุด"


............................................................

"วีระชัย ดวงพลา"
หรือฉายา "เดอะดวง" ตัวนักเขียนการ์ตูนไทยชื่อดังอีกคน ผู้มีผลงานมากมาย และเพิ่งเข้ารับรางวัล Silver Award ในงาน 4th International MANGA Award (งานประกวดการ์ตูนนานาชาติ ครั้งที่ 4) ที่ประเทศญี่ปุ่น และล่าสุดเมื่อเดือนกรกฎาคม 2554 ที่ผ่านมา เขาก็คว้ารางวัลชนะเลิศเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ครั้งที่ 8 ปี 2554 ประเภทนิยายภาพ (การ์ตูน) จากเรื่อง "MY INSPIRATION" ซึ่งวาดภาพและประพันธ์โดย THE DUANG


............................................................

"ทรงศีล ทิวสมบุญ" เป็นผู้เขียนการ์ตูนดังอาทิ "ถั่วงอกกับหัวไฟ" , Improvise และนิยายภาพประกอบเรื่อง NINE LIVES ลายเส้นชวนฝันที่แฝงไปด้วยความอ่อนโยนเป็นมนต์เสน่ห์ของนักเขียนผู้นี้ ปัจจุบัน ทรงศีล ทิวสมบุญ ยังคงขะมักเขม้นอยู่กับการวาดภาพประกอบ-การ์ตูน ทั้งเป็นอาจารย์สอนพิเศษทางด้านศิลปะตามสถาบันต่าง ๆ


............................................................


ยังมืนักเขียนการ์ตูนไทยรุ่นใหม่ๆ ผลงานโดดเด่น คนอื่นๆ อีกมากมาย... :)อาทิ

- ไตรภัค สุภวัฒนา - : - ทรงวิทย์ สี่กิติกุล - : - วชิระ เพชรมณีนิลใส -

และ ฯลฯ โดยเฉพาะนักวาดการ์ตูนรุ่นใหม่ๆในสำนัก http://www.letcomic.com/