วันพฤหัสบดีที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

อลังการบอลลูนหมู่


"Lorraine Mondial Air Ballons 2011"

เทศกาลบอลลูนประจำปี "ลอเรน เวิลด์ แอร์บอลลูน" ในเมืองช็องเบรี ฝรั่งเศส 2011 จัดไปในเดือน ก.ค นี้ มีบอลลูนจาก 14 ประเทศเข้าร่วมจากรึกประวัติศาสตร์...แม้สภาพอากาศเมฆหมอกช่วงแรกๆจะไม่เป็นใจนัก แต่ในที่สุดทุกอย่างก็ราบรื่น สามารถปล่อยบอลลูนหมู่จำนวนมากกว่า 300 ลูก! ขึ้นฟ้าพร้อมๆกันได้สำเร็จด้วยดี ให้ภาพที่อลังการเป็นที่ตื่นตาตื่นใจ



....................................

ชมเว็บไซต์ของงานได้ที่ http://www.pilatre-de-rozier.com/mab2011/index.php?lang=en



วันพฤหัสบดีที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

พระพุทธเจ้า-เพลงรักสีเลือด!


จากข่าว(Link)...ฆ่าตัวตายไปอีกหนึ่ง! สำหรับสมาชิกวง X japan
ก.ค. 2011 นี้เอง... "ไทจิ" มือเบส ฆ่าตัวตายซ้ำรอยสมาชิกคนก่อน “ฮิเดะ"

"ชีวิตนี้น้อยนัก มนุษย์ย่อมตายภายในร้อยปี ถึงใครจะอยู่เกินกว่านั้นไปบ้าง ก็ต้องตายเพราะชราเป็นแน่แท้" - คติพุทธ... แต่เหตุใดบางคนถึงต้องรีบชิงฆ่าตัวตาย...หรือการมีชีวิตอยู่ต่อไปนั้นมัน ทุกข์! โหดร้ายทารุณเกินกว่าจะรับได้!

.................................


"Scarlet Love Song" ... เพลงล่าสุดของ X Japan ประกอบภาพยนตร์ อนิเมชั่นญี่ปุ่นเรื่อง "Tezuka Osamu no Buddha" (2011) ...อีกแง่มุมมองเกี่ยวกับ เจ้าชายสิทธัตถะ หรือ พระพุทธเจ้า! (เข้าฉายไทยด้วยได้ข่าวเหมือนจะเดือน ก.ค. 2011 นี้เอง ช่วงเดียวกับที่ ไทจิ ตาย!)

...ก็เป็นส่วนผสมที่น่าแปลกพอสมควรที่ วงพันธุ์ร็อคจัดจ้านอย่าง X japan ทำเพลงประกอบ การ์ตูนเกี่ยวกับพระพุทธเจ้า... แต่ยังไงก็ตามเพลงทำออกมาได้เพราะขาดใจ ฝีมือไม่ตกสไตล์ X Japan ที่นำโดยหัวหอกยอดฝีมือหลัก "โยชิกิ" นั้นเอง

"Tezuka Osamu no Buddha" (2011)



เรื่องย่อ ข้อมูลจากเน็ต...(ซึ่งไม่รู้ฉายในไทย จะโดนต่อต้าน-เซนเซอร์-แบน!หรือไม่ เพราะเหมือนจะดัดแปลงเนื้อเรื่องผิดเพี้ยนไปจากที่ชาวพุทธไทยเราคุ้นเคย) *ข้อมูลว่ามีการสร้าง 2 ภาค...ในรูปแบบจักรวาลคู่ขนาน! ? ...ภาคที่จะเข้าฉาย 2011 เป็นภาค 1 จะเป็นการดำเนินจากคำทำนายของพราหมณ์ที่ว่า "หากเป็นกษัตริย์ จะเป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่" นั้นคือ จะได้เห็นชีวิตสิทธัตถะในเวอร์ชั่นที่ไม่บวช แต่เลือกที่จะเป็นกษ้ตริย์แทน! ? ... ส่วนภาค 2 ที่จะสร้าต่อเป็นการดำเนินเรื่องตามคำทำนาย "หากออกบวช จะเป็นมหาศาสดา"...

Tezuka Osamu no Buddha...จะพาคนดูย้อนกลับไปเมื่อ 2,500 กว่าปีก่อน ณ ดินแดนชมพูทวีป เจ้าชายสิทธัตถะ ประสูติขึ้นในตระกูลศากยวงศ์ ผู้ครองแคว้นกบิลพัสดุ์ การเติบโตมาในรั้วของพระราชวังซึ่งเต็มไปด้วยความโอ่อ่า ชีวิตที่พูนพร้อม สนองความต้องการของเจ้าชายน้อยได้ทุกๆ ด้าน โดยพระองค์หาได้ทราบไม่ว่า ภายนอกรั้วราชวังนั้น เต็มไปด้วยความแร้นแค้นและยากไร้ของผู้คนอีกนับล้าน

ชะตาชีวิตของเจ้าชายสิทธัตถะ ถูกเล่าขนานไปกับลูกทาสที่ชื่อ ชาปาระ ที่พลัดหลงกับพ่อแม่มาตั้งแต่ยังเด็ก และถูกชุบเลี้ยงขึ้นมาโดยแม่ทัพใหญ่ ชาปาระ พยายามปกปิดชาติกำเนิดที่แท้จริงของตนเองไว้ เพียงเพราะคิดว่าการได้เป็นใหญ่เป็นโต และได้ออกทำสงคราม จะนำมาซึ่งความสุขสงบในชีวิต

ในขณะเดียวกันยังมีแง่มุมความรักของ เจ้าชายสิทธัตถะ กับโจรสาวที่ชื่อ มิคาอิลา ซึ่งรักใคร่ชอบพอกัน แต่ถูกกีดกันโดย พระเจ้าสุทโธทนะ กษัตริย์ผู้พ่อ...

.................................

เนื้อเพลง "Scarlet Love Song : เพลงรักสีเลือด" แปลไทย ฉบับเต็ม (ข้อมูลจากเน็ต ไม่ปรากฎชื่อผู้แปล...ก็ขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง ด้วยจิตคารวะ :)



จะพาฉันโบยบินไปใช่ไหม?
ฉันเชื่อ เราจะได้พบกันอีกครั้ง
ฉันจะร้องเพลงนี้ตลอดไป
เพลงรักสีเลือด

สักวัน...
ฉันจะกลายเป็นสายลมและโบยบินไป
ไปยังที่ที่มีเธอ
แม้กาลเวลาล่วงเลย
ลับเลือนนิจนิรันดร์
ความรู้สึกที่มีต่อเธอยังเปล่งประกาย
ราวอัญมณีส่องแสง

จะพาฉันโบยบินไปใช่ไหม?
ฉันเชื่อ เราจะได้พบกันอีกครั้ง
ฉันจะร้องเพลงนี้ตลอดไป
เพลงรักสีเลือด

จะพาฉันโบยบินไปใช่ไหม?
แม้ยามหลับตาในตอนนี้
ลึกสุดใจ ฉันเห็น...
กุหลาบสีน้ำเงินพร่างพรมทั่วปีก
เวลาที่ต้องจากลาคงมาถึงสักวัน

จนกว่าจะถึงเวลานั้น
จนกว่าร่างสลายเป็นเถ้าธุลี
ฉันจะปลิดปลิวไป
ฉันเชื่อ...แม้กระทั่งน้ำตา
ที่เอ่อล้นออกมา

จะคืนชีวิตได้สู่ดอกไม้โรยรา
แม้กาลเวลาล่วงเลย
ลับเลือนนิจนิรันดร์
หยาดหยดแห่งรักยังคงเปล่งประกาย
ราวอัญมณีส่องแสง

จะพาฉันโบยบินไปใช่ไหม?
ฉันเชื่อ เราจะได้พบกันอีกครั้ง
ฉันจะร้องเพลงนี้ตลอดไป
เพลงรักสีเลือด

จะพาฉันโบยบินไปใช่ไหม?
แม้ยามหลับตาในตอนนี้
ลึกสุดใจ ฉันยังคงได้ยิน...
เพลงรักสีเลือด



วันอังคารที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

กีฏจารย์กับอาถรรพ์แมลงพิสดาร


Mushishi กีฏจารย์กับอาถรรพ์แมลงพิสดาร...



Mushishi "มุชิฉิ" เป็นเรื่องราวของสิ่งมีชีวิตที่ซ่อนเร้นลึกลับในป่าลึก เรียกสั้นๆว่า "มุชิ" และมันทั้งยังเป็นต้นเหตุของเรื่องเหนือธรรมชาติหลายๆประการโดยเฉพาะโรคภัยไข้เจ็บ แต่มันไม่ใช่สิ่งมีชีวิตเล็กๆ-เชื้อโรค ที่มนุษย์คุ้นเคยโดยทั่วไป จนยากที่จะสามารถอธิบายว่ามันเป็นอะไรกันแน่ และก็ใช่ใครๆจะสามารถเห็น-สัมผัสมันได้ง่ายๆ และมันเป็นอันตรายอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่สามารถเข้าไปล่วงรู้การดำรงอยู่ของพวกมัน!

กิงโกะ เป็นบุคคลผู้มีความสามารถพิเศษ ที่สามารถมองเห็น"มุชิ"ได้ และเขาออกเดินทางไปทั่วญี่ปุ่น ในฐานะ"ผู้เชี่ยวชาญด้านมุชิ" เพื่อค้นหาความลับของมุชิ รวมถึงการช่วยเหลือผู้คนที่ต้องทุกข์ทรมานจากโรคภัยประหลาดอันน่าจะเนื่องมาจาก มุชิ

เรื่องราวของ Mushishi มี 26 ตอนจบ โดยแต่ละตอนนั้นจะจบในตัว ตัวละครทั้งปวงไม่เกี่ยวเนื่อง-ต่อเนื่องกันเลย จะมีก็เพียง กิงโกะ ตัวเอกเป็นตัวดำเนินเรื่องหลักที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับผู้คนตัวละครต่างๆต่างกรรมต่างวาระ แต่ถึงแม้ว่า กิงโกะจะเป็นผู้เชี่ยวชาญ แต่บางครั้งเขาก็ทำได้เพียงแต่เข้าใจ มุชิ ในบางแง่มุมเท่านั้น หลายกรณีเขาไม่สามารถช่วยเหลือผู้คนเหล่านั้นได้

กิงโกะ นั้นบุคลิคเป็นชายผมขาว มีนัยน์ตาเพียงข้างเดียว เขาไม่สามารถที่จะอยู่ที่ไหนนานๆได้ เพราะว่าตัวเขาเองนั้นเองเป็นเป้าของ มุชิ อาจเนื่องจากเขารู้เรื่องมุชิมากเกินไป และถ้าหากว่าเขาอยู่ที่ไหนนานเกินไป ก็อาจจะนำอันตรายมาสู่ผู้คนรอบข้างได้อีกต่างหาก...


หนังการ์ตูนอนิเมะ Mushishi นี้...ถึงจะเป็นการเดินเรื่องที่เนิบนาบ(ถ้าไม่ชอบแนวนี้หรือตั้งใจดูจริงๆอาจหลับได้ :) แต่ก็เปี่ยมไปด้วยพลัง หลายๆฉากสะกดอารมณ์ได้ดีเยี่ยม ทั้งให้แง่คิดลุ่มลึกทีเดียว... "บางสิ่งที่มองไม่เห็นด้วยตา แต่ว่าสิ่งนั้นก็ดำรงอยู่จริง และส่งผลกระทบต่อชีวิตด้วยไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม ทั้งหนักและเบา....ทำนองเชื้อโรค-ภูตผี หรือ อาจตีความเลยไปถึงพลังอำนาจลึกลับอะไรบางอย่างที่อยู่เบื้องหลังปรากฏการณ์ทั้งปวงในธรรมชาติ จักรวาล - พระเจ้า! ?

นอกจากเนื้อเรื่องที่ให้อารมณ์ภูตผีแบบญี่ปุ่นแล้ว แน่นอนจุดเด่นที่สำคัญของอนิเมะ Mushishi ก็คือ ภาพและเสียง ซึ่งโดดเด่นมีเอกลักษณ์-มีเสน่ห์น่าค้นหา ทุกฉากทุกภาพเต็มไปด้วยธรรมชาติซึ่งใช้สีโทนนุ่ม ทึมๆ แบบ อาร์ตๆ และภาพมักสื่อให้เห็นในทำนอง...เมื่อกิงโกะหรือมนุษย์ในเรื่องอยู่กลางธรรมชาติ มนุษย์จะเป็นเพียงส่วนเล็กๆทำให้สายตาเราจับจ้องไปที่ความยิ่งใหญ่และลึกลับของธรรมชาติเบื้องหลัง แต่ก็ยังแฝงเข้าข้างมนุษย์ที่ถึงเป็นเพียงส่วนประกอบเล็กๆ แต่ก็มีหัวใจที่เปี่ยมด้วยความพยายามที่จะดิ้นรนต่อสู้ชีวิตให้รอด