วันศุกร์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2552

ศาสนาเศรษฐกิจ


"เศรษฐกิจ" คำนี้ครอบคลุมความหมายกว้างขวางมาก พูดให้ฟังง่ายๆก็ประมาณ
กิจกรรมอันเกี่ยวกับ การบริหาร-การแบ่งปัน-การแลกเปลี่ยนทรัพยากร, การค้า, การซื้อ, การขาย, การลงทุน, การผลิต, การจ้าง, เงินตรา, การส่งออก-นำเข้า, การกระจายรายได้ เป็นต้น สรุปสั้นๆว่าคือ "การทำมาหากิน" ก็ได้

ยุคปัจจุบันดูเหมือนว่า "เศรษฐกิจ" จะเป็นกิจกรรมสำคัญที่สุดในชีวิตมนุษย์ไปแล้ว!! สำคัญยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด สำคัญกว่าแม้แต่ ศาสนา!! อาจจะมองถึงขั้นที่ว่า ศีลธรรม ศาสนา หรือกิจกรรมใดๆก็ตามล้วนแต่มีจุดมุ่งหมายไปรับใช้ เศรษฐกิจ ทั้งสิ้น เศรษฐกิจต้องมาก่อน ถ้าเศรษฐกิจไปได้ราบรื่น ทุกอย่างก็จะดีไปเอง ??? (คนที่คิดเช่นนี้มักถูกเรียกแกมด่าว่า เป็นพวก "Homo Economicus" หรือ "!! พวกสัตว์เศรษฐกิจ !!" นั้นคือ นิดๆหน่อยก็คิดเป็นเงินเป็นทองกำไรขาดทุนไปหมด น้ำจิตน้ำใจ การเอื้อเฝื้อแบ่งปัน ไม่มีเลย) อาจพูดเล่นลิ้นได้ว่า เศรษฐกิจ เป็น ศาสนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกก็ว่าได้ โดยผู้ที่รับบทพระเจ้าในศาสนานี้ก็คือ "เงิน" ทุกคนต้องนับถือ "ศาสนาเศรษฐกิจ" จะโดยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัว หรือโดยเต็มใจหรือไม่เต็มใจก็ตาม เพราะหากไม่มี เศรษฐกิจ กิจกรรมของชีวิตมนุษย์ทั้งหมดจะหยุดชะงักทันทีและส่งผลให้เกิดอาการ ขาดแคลนทรัพยากร ไม่มีกินมีใช้หรือไม่พอกินพอใช้ ทั้งในระดับส่วนบุคคล จนถึงระดับชาติ ที่เรียกกันทั่วไปว่าเกิดภาวะ"เศรษฐกิจตกต่ำหรือถดถอย"หรือถึงขั้น เศรษฐกิจล่มสลาย!!

และแม้แต่ผู้ที่ได้ชื่อว่า สมถะ สละโลกแล้วอย่าง พระ-บาทหลวง-ฤาษีชีไพร ก็ต้องมีระบบเศรษฐกิจอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อหล่อเลี้ยงให้ตน วัด หรือคณะของตนอยู่ได้ อย่างน้อยก็ให้มีกินมีใช้เพียงพอกับความต้องการที่จำเป็นในแต่ละวันแต่ละเดือน อาจจะอยู่ในรูปแบบทางตรงคือ ขอบิณฑบาต เรี่ยไรชาวบ้านให้ช่วยบริจาค หรือทางอ้อมเช่น การที่พระต้องทำการใบ้หวย ดูโชคชะตา ปลุกเสกวัตถุมงคล ประกอบพิธีกรรม หรือทำหน้าที่สืบทอดพระศาสนา เทศนาสั่งสอนธรรมช่วยใช้ชาวบ้านจิตใจสงบอยู่ในศีลธรรมอันดีงาม และชาวบ้านที่ศรัทธาก็ถวายข้าวปลาอาหารปัจจัยเป็นการตอบแทน ฯลฯ

สังเกตดูดีๆแล้วจะพบว่า มนุษย์เราส่วนใหญ่...ใช้เวลาเกือบทั้งหมดของชีวิตหมดไปกับ การทำมาหากิน หรือ "เศรษฐกิจ" ขึ้นอยู่กับว่าระบบเศรษฐกิจที่ตนใช้หรือมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยนั้น เป็นแบบใด อย่างสังคมเมือง คนส่วนใหญ่ก็ทำงานอยู่ในระบบเศรษฐกิจลูกจ้างกินเงินเดือน ทำงานในออฟฟิตเอกชน, ราชการ หรือในโรงงานต่างๆ สัปดาห์หนึ่งมี 7 วัน ให้เวลาไปกับการทำมาหากิน 5-6 วัน เหลือ 1 วันพักผ่อนหรือไปวัด ไปโบสถ์ บางคนอาจทำมาหากินทั้ง 7 วันเลย ขยันทำมาหากินกันขนาดนี้แล้วยังเกิดปัญหาเศรษฐกิจได้ยังไง...???

อันปัญหาทางเศรษฐกิจนั้น(ทั้งในระดับส่วนบุคคลจนถึงระดับประเทศชาติ) มีที่มาจากหลายสาเหตุ ต่างกรรมต่างวาระ ทั้งเหตุที่เข้าใจง่ายๆจนถึงซับซ้อนจนจบต้นชนปลายไม่ถูก...อาทิ ขี้เกียจไม่ขวนขวาย, ไม่มีความรู้ความสามารถ, ขาดภูมิปัญญา-ขาดเทคโนโลยี, โลภไม่รู้จักพอ ใช้ทรัพยากร-ใช้เงินเกินตัว, การฟุ่มเฟือยเป็นหนี้เป็นสินจนไม่สามารถที่จะหามาชดใช้ได้, แข่งดีแข่งเด่นเห็นเขามีก็จะมีแข่งกับเขาโดยไม่คำนึงถึงความเหมาะสม ความจำเป็น และไม่ประเมินสถานะของตัว, การมีภาระจำเป็นที่ต้องรับผิดชอบล้นพ้นเกินรายได้ อาทิต้องส่งเสีย เลี้ยงดูพ่อแม่ เลี้ยงลูก เลี้ยงญาติ ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ฯลฯ ไปพร้อมๆกันในคราวเดียว, การโดนเบียดเบียนกลั่นแกล้ง-ลักขโมย, ถูกทำร้ายหรืออาญชญากรรม, การอยู่ในระบบเศรษฐกิจที่กระจายรายได้ไม่เป็นธรรมหรือไม่เหมาะสมกับวิถีชีวิตของตนเช่น ชาวนา-เกตษตรกรโดนผูกขาดบังคับให้ขายข้าว-ผลผลิตในราคาถูกเกินไปจนขาดทุน จนมีรายได้ไม่พอเลี้ยงชีพ (ลักษณะนี้ภาคสังคมต้องมีส่วนร่วมรับรู้และช่วยเหลือโดยการปรับเปลี่ยนระบบให้เป็นธรรมมากขึ้น) หรือคนที่รสนิยมสูงแต่ทำงานในระบบที่มีรายได้ต่ำไม่เพียงพอกับความต้องการ (อาจจำเป็นต้องเปลี่ยนรูปแบบเศรษฐกิจของตน โดยการหางานใหม่ หรือ หารายได้เสริม) หรือมีระบบเศรษฐกิจไม่เหมาะกับประเทศชาติ(เช่นบางประเทศอาจไม่เหมาะที่จะปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย เหมาะที่จะเป็นระบบสังคมนิยม หรือ สมบูรณาญาสิทธิราชย์มากกว่า) , เกิดศึกสงคราม, หรือเหตุสุดวิสัยอย่างการเกิดอยู่ในภูมิประเทศแห้งแล้งขาดแคลนทรัพยากร, ภัยธรรมชาติแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด น้ำท่วม, โรคภัยไข้เจ็บ-โรคระบาด เป็นต้น

ในโลกแห่งความเป็นจริงใครๆก็อยากมีเศรษฐกิจดีกันทั้งนั้น แต่บางคนใจร้อน(และบางประเทศ)อยากได้เงิน-ทรัพยากรมาแบบเร็วๆง่ายๆเกินไป (บางทีก็มีพอกินพอใช้สบายพอสมควรแล้ว แต่ต้องการให้ได้มากยิ่งๆขึ้นไปอีก) จึงทำทุกวิถีทางโดยไม่คำนึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ไม่คำนึงถึงวัฒนธรรม-ศีลธรรม-จริยธรรมอันดีงามของสังคม อาทิ ปล้นชิงวิ่งราว, เล่นการพนัน, หลอกลวงต้มตุ๋นชาวบ้าน, คอรัปชั่นโกงบ้านกินเมือง, ปั่นหุ้น, โจมตีค่าเงิน หรือแม้แต่การหาเรื่องทำสงครามปล้นทรัพยากรประเทศอื่น ก็นับว่าเป็นความจริงอันแสน กระอักกระอ่วน!! เรื่องทำนองนี้เป็นปัญหาสังคมที่แก้ไม่ตกนับแต่อดีตถึงปัจจุบันและยังคงดำเนินเรื่อยไปในอนาดต ตราบใดที่มนุษย์ ไม่รู้จักควบคุม-บริหารความอยาก!

ช่วงนี้ ไปทางไหนก็เห็นแต่ข่าวเกี่ยวกับ...วิกฤติเศรษฐกิจ ข้าวของสินค้าขายได้น้อยลงทั้งในระดับรากหญ้าไปจนถึงบรรษัทข้ามชาติ, บริษัท-โรงงานหลายๆแห่งทั่วโลกเริ่มอยู่ไม่ได้, ขายสภาพคล่อง, ประสบภาวะขาดทุน, ลดเงินนเดือน, ปลดคนงาน, คนตกงาน, สถาบันการเงินเกิดภาวะ "หนี้เสียไม่สามารถชดใช้หรือหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL)"จำนวนมหาศาล บ้างก็วิจารณ์ว่าระบบเศรษฐกิจกระแสหลักที่เป็นอยู่ในประเทศส่วนใหญ่ทั่วโลกนั้นคือ ระบบเศรษฐกิจทุนนิยม-การค้าเสรี เป็นระบบที่มีปัญหากำลังจะถึงจุดจบ !! โลกอาจจะต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบระบบเศรษฐกิจขนานใหญ่กันเลยทีเดียว

ไม่ว่าระบบเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไรต่อไป อยากเสนอ "วจีอมตะ" ชุดหนึ่ง น่าจะเป็นข้อคิดเตือนใจ และเป็นแรงบันดาลใจที่ดี เกี่ยวกับเรื่องเศรษฐกิจทั้งระดับส่วนตัวบุคคล และระดับชาติบ้านเมือง...

“โลกมีทรัพยากรเพียงพอที่จะเเบ่งปันให้เเก่มนุษย์ทุกคนตามที่จำเป็น เเต่มีไม่เพียงพอที่จะสนองความโลภของคนแม้เพียงคนเดียว” มหาตมะ คานธี กล่าว... " Earth provides enough to satisfy every man’s need, but not any man’s greed." Mahatma Gandhi said.

.......................................................

- ของแถม -

เข้าใจระบบเศรษฐกิจจาก "วัว" Understand the economic system : Perspective from a cow


เศรษฐกิจ จัดเป็นสาขาวิชาหนึ่งที่เรียกว่า "เศรษฐศาสตร์" ซึ่งเรียนกันได้ถึงระดับ ด็อกเตอร์ ระบบเศรษฐกิจมีรูปแบบหลากหลาย แล้วแต่สำนัก แล้วแต่ท้องที่ แล้วแต่สังคม แล้วแต่ประเทศ เศรษฐกิจหรือเศรษฐศาสตร์อาจเป็นเรื่องเข้าใจยากสำหรับคนทั่วไปที่ไม่ได้เรียนมาสายนี้โดยตรงหรือได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์พื้นฐานผ่านหูผ่านตามาบ้าง แต่คำอธิบายชุดนี้จะทำให้ทุกคนเข้าใจได้ในทันทีว่า ภาพรวมกว้างๆของระบบเศรษฐกิจแต่ละระบบ-แต่ละประเทศในปัจจุบันว่ามีรูปแบบอย่างไร โดยใช้ตัวอย่างง่ายๆอย่าง "วัว" มาอธิบายให้เห็นภาพ อาจฟังดูขำๆเชิงล้อเลียนบ้าง แต่ก็มีส่วนจริงอยู่ไม่น้อย! ลองดู...

เข้าใจระบบเศรษฐกิจจาก "วัว" Understand the economic system : Perspective from a cow

(- ที่มา ข้อความทั้งหมดข้างล่างนี้ได้จาก : Forward mail -)(โปรดใช้วิจารณญาณด้วยนะครับ...)

ระบบเศรษฐกิจ สังคมนิยม Socialist
คุณมีวัว 2 ตัว และคุณให้เพื่อนบ้าน 1 ตัว
You have two cows and you give one to your neighbor

ระบบเศรษฐกิจ คอมมิวนิสต์ Communist
คุณมีวัว 2 ตัว รัฐเอาไปหมดทั้ง 2 ตัว และให้นมวัวคุณบ้าง
You have two cows.The state takes both cows from you and gives you some milk in return.

ระบบเศรษฐกิจ ฟาสซิสต์ Fascist
คุณมีวัว 2 ตัว รัฐเอาไปหมด และขายนมให้คุณบ้าง
You have two cows. The state takes both cows from you and sells some milk to you.

ระบบเศรษฐกิจ นาซี Nazi
คุณมีวัว 2 ตัว รัฐเอาไปทั้ง 2 ตัว และยิงคุณ
You have two cows. The state takes both cows from you and shoots you.

ระบบเศรษฐกิจ บูโรแครต (ราชการศักดินา) Bureaucrat
คุณมีวัว 2 ตัว รัฐเอาไปทั้ง 2 ตัว ยิงตายไปหนึ่งรีดนมตัวที่เหลือและก็ละเลยไม่หาประโยน์จากนมที่ได้มา
You have two cows. The state takes both ows, kills one, takes milk from the remaining cow but neglect to make use of the milk.

ระบบเศรษฐกิจ ทุนนิยม Capitalist
คุณมีวัว 2 ตัว คุณขายไปหนึ่งตัว และเอาเงินซื้อพ่อวัวมา ฝูงวัวเพิ่มขึ้นเศรษฐกิจขยายตัว คุณขายฝูงวัว ได้เงินมา แล้วก็เกษียณอายุตัวเอง
You have two cows, sell one for cash and use cash to buy a male breedingcow. Number of cows increase and multiply into herd, economic expands so you sell the whole cow herd for cash (at good price) and then retire.

ระบบเศรษฐกิจ อเมริกัน American economy
คุณมีวัว 2 ตัว ขายไป 1 ตัวและบังคับให้ตัวที่เหลือผลิตนมในปริมาณเท่ากับ 4 ตัวผลิต ต่อมาก็จ้างที่ปรึกษามาวิเคราะห์ว่าทำไมวัวจึงตาย
You have two cows. You sell one and force the remaining one to produce the milk at the volume of production from four cows. The cow dies. Later on you hire the consultant to analyze the cause of death of the cow.

ระบบเศรษฐกิจ ฝรั่งเศส French economy
คุณมีวัว 2 ตัว คุณนัดให้มีประท้วงปิดทางจราจลกีดขวางถนน เพราะว่าคุณต้องการวัว 3 ตัว
You have two cows. You vote for a protest, block the traffic because you want three cows.

ระบบเศรษฐกิจ ญี่ปุ่น Japanese economy
คุณมีวัว 2 ตัว คุณออกแบบและปรับแต่ง จนมันมีขนาดเท่ากับ 1 ใน 10 ของวัวขนาดธรรมดา แต่ผลิตนมได้ 20 เท่าของวัวปรกติ แล้วคุณก็สร้างตัวละครการ์ตูนชื่อว่า "Cowkimon" ขายไปทั่วโลก
You have two cows. You design and develop the cow until it has a size of one tenth but can produce milk 20 times of normal cow. After that you create a cartoon character call " Cowkimon" and sell it worldwide.

ระบบเศรษฐกิจ เยอรมัน German economy
คุณมีวัว 2 ตัว คุณรีเอ็นจิเนียร์มันจนมีอายุ 100 ปี กินอาหารเดือนละครั้งและรีดนมด้วยตัวเองได้
You have two cows. You reengineer the cow so that it has 100 years lifespan, eat once a month and can feed itself with its own milk.

ระบบเศรษฐกิจ รัสเซีย Russian economy
คุณมีวัว 2 ตัว คุณนับมันและพบว่ามี 5 ตัว คุณก็นับมันอีกครั้งพบว่ามี 42 ตัว และคุณก็นับมันอีกจนพบว่ามี 2 ตัว คราวนี้คุณหยุดนับและเปิดเหล้าวอดก้าอีกขวด
You have two cows and count the number of the cow. It is five. You recount it and it is 42. Then you recount again, it is two. You stop counting and open another bottle of vodka.

ระบบเศรษฐกิจ สวิส Swiss economy
คุณมีวัว 5,000 ตัว ไม่มีตัวใดเป็นของคุณเลย แต่คุณเก็บเงินจากเจ้าของเป็นค่าดูแล
You have 5,000 cows. None of them are yours but you earn fromcharging the fee from cows owner for cow care.

ระบบเศรษฐกิจ จีน Chinese economy
คุณมีวัว 2 ตัว มี 300 คนรุมรีดนม คุณประกาศว่าคุณมีการจ้างงานเต็มที่แถมวัวของคุณมีผลิตผลสุดยอดและจับผู้สื่อข่าวที่รายงานสถานการณ์จริงเข้าคุก
You have two cows. Three hundred people take milk from the two cows. You announce the 100%employment rate and that your cows are the most productive/efficient. You also put the reporters who report the real situation into jail.

ระบบเศรษฐกิจ อินเดีย Indian economy
คุณมีวัว 2 ตัว เพื่อเอาไว้เทิดทูนบูชา
You have two cows for worship.

ระบบเศรษฐกิจ อังกฤษ British economy
คุณมีวัว 2 ตัว ทั้ง 2 ตัวบ้าหมด (โรควัวบ้าเป็นที่รู้จักกันครั้งแรกในอังกฤษ)
You have two cows. Both of them are mad.
( Mad cow diseases was first known in the UK )

ระบบเศรษฐกิจ อิรัก Iraq Economy
ทุกคนคิดว่าคุณมีวัวหลายตัว คุณบอกว่าคุณไม่มี แต่ไม่มีใครเชื่อคุณดังนั้นจึงถูกบอมบ์แหลกยับเยิน ถูกบุกยึดประเทศ ถึงกระนั้นคุณก็ยังไม่มีวัวแต่อย่างน้อยที่สุด ปัจจุบันคุณก็เป็นส่วนหนึ่งของระบอบประชาธิปไตย
Everyone think you have a lot of cows. You deny but no one believestherefore your country is devastated by a bomb and conquered. Still you have no cow but at least the country is now part of the democracy.
........

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น