วันอังคารที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2554

ถนนสายนี้ หัวใจไม่เคยลืม


หลังเหตุการณ์ แผ่นดินไหว-สึนามิ ญี่ปุ่น ต่อเนื่องมาถึงเหตุการณ์ภาวะไม่ปกติต่างๆ อากาศเปลี่ยนฉับพลัน-แผ่นดินไหว-ไปจนถึงภัยพิบัติทั้งปวงในช่วงนี้ เดือนร้อนลำบากกันทั่วหน้า...เลยกลับไปดูหนังเรื่องนี้อีกรอบ...อมยิ้มไป-น้ำตาซึมไปอีกรอบ...แล้วก็ต้องกลับมาทบทวนชีวิตใหม่อีกรอบ...

"Always" : Sunset on the third Street


ชื่อไทย "ถนนสายนี้ หัวใจไม่เคยลืม" มีทั้งหมด 2 ภาค (ข่าวว่ากำลังทำภาค 3 กำหนดฉาย 2012 ดูเว็บที่ http://www.always3.jp/)

หนังดราม่าที่พล็อตเรื่องซาบซึ้งขาดใจ :) โดยเฉพาะภาคแรก เชื่อว่าใครเคยดูหนังเรื่องนี้คงต้องมีน้ำตาซึม นี่แหละคือเสน่ห์แห่งมิตรภาพในภาวะขัดสนขาดแคลน...มนต์เสน่ห์แห่ง ความหวัง ความผูกพัน ความเอื้อเฟื้อเอ็นดูระหว่างกันและกัน ...ซึ่งนับวันจะหาได้ยากยิ่งในยุค ทุนนิยมเงินตราแล้งน้ำใจ!...

พล็อตเรื่อง-อาร์ตได-นักแสดง : สมบูรณ์แบบ-ครบเครื่อง-ลงตัว-หมดจด ต้องซูฮกผู้กำกับ "ทาคาชิ ยามาซากิ"







เรื่องย่อ (ถึง Spoil ก็ไม่เสียอรรถรสแต่อย่างใด เพราะหนังถ่ายทอดออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมยังมีรายละเอียดปลีกย่อยอีกมากมาย ต้องดูเองเท่านั้น :)

ย้อนกลับไปในปีโชวะที่ 33 หรือราวปีค.ศ. 1958 หลังวิกฤติสงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่นานนัก ขณะที่หอโตเกียว รูปแบบทำนองเดียวกับหอไอเฟล ที่ฝรั่งเศส...ดูภาคผนวกด้านล่าง สัญลักษณ์ของการฟื้นฟูประเทศ ความหวังของคนทั้งชาติ สร้างใกล้จะเสร็จแล้ว - ยังมีชุมชนเก่าแก่แห่งหนึ่งตั้งอยู่บนถนนสายที่ 3 ในเขตยูฮีของมหานครโตเกียว ซึ่งคลาคล่ำไปด้วยบ้านเรือน ร้านค้า กรุ่นไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ และยังมีหลากหลายเรื่องราวของหลากหลายผู้คน ที่พำนักอาศัยอยู่ในชุมชนแห่งนั้น...

ซูสุกิ โนริฟูมิ เป็นเจ้าของร้านขายอะไหล่รถยนต์ที่ชื่อ ซูสุกิ ออโต มี โทโมเอะ เป็นภรรยา มีบุตรชายวัยกำลังซนด้วยกันคนหนึ่ง วันหนึ่ง ซูสุกิ ออโต มีต้องต้อนรับสมาชิกใหม่คือเด็กสาวชื่อ มัตสุโกะ ผู้ซึ่งอุตส่าห์ทอดทิ้งบ้านเกิดที่ต่างจังหวัด มุ่งหน้ามาโตเกียว และสมัครเป็นพนักงานของซูสุกิ ออโตด้วยความหวังว่า ที่นี่คงจะเป็นโรงงานอุตสาหกรรมใหญ่โตที่เธอสามารถฝากอนาคตไว้ด้วยได้ ดังนั้นมัตสุโกะจึงรู้สึกผิดหวังเหลือกำลังเมื่อพบว่า แท้จริงแล้วซูสุกิ ออโตเป็นเพียงห้องแถวเล็กๆ เท่านั้น

อีกหนึ่งชีวิตบนนถนนสายที่ 3 ก็คือ ชากาวะ ริวโนะสุเกะ เขาเป็นเจ้าของร้านขายขนมเล็กๆซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามกับซูสุกิ ออโต ริวโนะสุเกะเกิดที่นั่น โตที่นั่น เขากับโนริฟูมิรู้จักกันมาแต่อ้อนแต่ออก – และดูเหมือนจะเป็น ‘คู่กัด’ กันมาแต่อ้อนแต่ออกด้วยเช่นกัน

อันที่จริงริวโนะสุเกะฝันอยากเป็นนักเขียน ฝีไม้ลายมือลีลาการเขียนหนังสือของเขาโดดเด่นไม่ใช่เล่น อย่างไรก็ตาม เป็นเพราะความจำเป็นบางอย่างที่ทำให้ริวโนะสุเกะต้องทำอาชีพมาเปิดร้านขายขนมไปด้วย แต่เขายังไม่ทิ้งงานเขียน แต่ทั้งนี้ก็ทำได้เพียงเขียนนิยายประโลมโลกย์ให้นิตยสารเล็กๆ ธรรมดา เท่านั้น

ริวโนะสุเกะมีความลับอยู่อย่างหนึ่ง นั่นก็คือ เขาแอบหลงรัก ฮิโรมิ สาวสวยซึ่งเป็นเจ้าของบาร์สาเกที่ตั้งอยู่บนถนนสายที่ 3 มานาน แต่ดูเหมือนความสัมพันธ์จะยังไม่คืบหน้าพัฒนาไปไหน

วันหนึ่ง ฮิโรมิได้รับการไหว้วานจากเพื่อนเก่าของเธอให้ช่วยดูแล เด็กชายกำพร้าตัวเล็กๆอันมีแม่เป็นเกอิชา ฮิโรมิอาจจะเต็มใจช่วย กระนั้นเธอก็ยังตระหนักว่า เอาเข้าจริงนั่นเป็นภาระที่หนักเกินกว่าเธอจะรับไหว ว่าเธอจึงอ้อนวอนให้ ริวโนะสุเกะ ช่วยรับเด็กชายไปเลี้ยงดู

หลายชีวิตบนถนนสายที่ 3 เหล่านี้ นอกจากจะดำเนินชีวิตไปตามอย่างที่ทำมาโดยตลอดแล้ว ยังมีภาระให้ต้องคิดอ่านหาหนทางแก้ปัญหากับสมาชิกใหม่ที่แต่ละคนรับเข้ามาสู่ชีวิตของตน – โนริฟูมิจะเยียวยาความรู้สึกของมัตสุโกะอย่างไร? ความสัมพันธ์ของริวโนะสุเกะกับเด็กชายตัวเล็กๆ คนนั้นจะลงเอยอย่างไร

และที่สำคัญก็คือ ชีวิตจะเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ หลังจากที่หอโตเกียวสูงตระหง่านนั้น สำเร็จเสร็จสิ้น?


........................................


*ภาคผนวกเสริม : เกี่ยวกับ โตเกียวทาวเวอร์ (Tokyo Tower) ของจริง

โตเกียวทาวเวอร์ (ภาษาญี่ปุ่น: 東京タワー, โตเกียวทะวา; ภาษาอังกฤษ: Tokyo Tower) คือหอคอยสื่อสารขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในเขตมินะโตะ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น มีความสูง 332.6 เมตร(1,091 ฟุต) สูงกว่าหอ Eiffel ถึง 13 เมตร สร้างแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2501 (ค.ศ. 1958)


นอกจากจะเป็นหอคอยที่ไว้ส่งสัญญาณคลื่นวิทยุโทรทัศน์ต่างๆ เช่น NHK TBS ฯลฯ แล้ว โตเกียวทาวเวอร์ยังเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของกรุงโตเกียวอีกด้วย โดยปีหนึ่งจะมีคนเข้าชมหอมากกว่า 2 ล้าน 5 แสนคน บริเวณหอคอยสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ส่วน ส่วนล่างสุดเป็นอาคารสูง 4 ชั้นที่ตั้งอยู่ใต้หอโดยตรง ภายในประกอบด้วย พิพิธภัณฑ์ ร้านค้า ภัตตาคาร ฯลฯ อีก 2 ส่วนที่เหลือเป็นจุดชมวิว ตั้งอยู่บนความสูง 150 เมตร และ 250 เมตรตามลำดับ....อาคาร 4 ชั้นด้านล่างประกอบไปด้วย...

ชั้น 1-2 Tokyo Tower Aquarium
มีพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่สำคัญที่สุดของประเทศญี่ปุ่น และเป็นที่นิยมที่สุดในญี่ปุ่นโดยมีปลามากกว่า 50,000 ตัว และกว่า 800 สายพันธุ์เลยทีเดียว ชั้น 1 และชั้น 2 ยังเป็นแหล่งรวมร้านขายของมากมาย ร้านอาหาร ร้านน้ำชา ของที่ระลึก ฯลฯ

ชั้น 3 Tokyo Tower Carnival
"พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง" บุคคลคนสำคัญของโลก และยังมี "โซนพิศวง (Mysterious Walking Zone)" สามารถพบกับเทคโนโลยีแบบภาพ 3D ล้ำสมัย

ชั้น 4 Tokyo Tower Trick Art Gallery
ห้องจัดแสดงภาพศิลปะ และเพลิดเพลินกับภาพในระบบ 3D แนะนำเรื่องราวเกี่ยวกับญี่ปุ่นสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะ

กลางคืน โตเกียวทาวเวอร์ มีไฟสว่างจ้าโดดเด่น จากหลอดไฟจำนวนกว่า 164 ดวง

วันอังคารที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2554

"รอยยิ้ม" ญี่ปุ่น

ภาพสเก็ต ชุด Smile "รอยยิ้ม" จาก @inouetake ทวิตเตอร์ ( ลิงค์ทวิตเตอร์ ) ของ "inouetake" หรือ "อ. ทาเคฮิโกะ อิโนะอุเอะ" ผู้สร้างการ์ตูน Slam Dunk + ด้วยบทเพลง "Kimi de ite, Buji de ite" โดย "Kanno Youko" ศิลปินญี่ปุ่นที่บ้านเกิดอยู่ใกล้บริเวณที่เกิดเหตุ...ร่วมกันสร้างสรรค์เพื่อเหตุการณ์แผ่นดินไหว-สึนามิ ญี่ปุ่น 2011 โดยเฉพาะ




เนื้อเพลง

心配してる、世界が君を心配してる
(shimpai shiteru, sekai ga kimi wo shimpai shiteru)
worried, the world is worried about you

君の名前を探してる
... (kimi no namae wo sagashiteru)
searching for your name

一緒にいるよ、世界が君と一緒にいるよ
(issho ni iru yo, sekai ga kimi to issho ni iru yo)
with you, the world is with you

君の命に会いに行く
(kimi no inochi ni ai ni yuku)
going to meet your life

心と体壊さず君を
(kokoro to karada kowasazu kimi wo)
your heart and body unbroken

抱きしめて会いに行くまで
(dakishimete ai ni yuku made)
until we hold and see you

君でいて、無事でいて
(kimi de ite, buji de ite)
please be you, please be safe


.................................................



















วันจันทร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2554

แผ่นดินไหว-สึนามิ-ฝูงปลานับล้าน?

หลังเหตุการณ์ แผ่นดินไหว-สึนามิ ถล่ม ญี่ปุ่น...อดีตอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา "ดร.สมิทธ ธรรมสโรช" เผยประเทศไทยอาจมี แผ่นดินไหว-สึนามิ เกิดขึ้นอีกก็ได้ "พ้อไม่ค่อยอยากเตือน เพราะมักถูกอัดกลับทุกครั้ง ว่าสร้างกระแสความแตกตื่นตระหนก" ...ชี้ เมืองไทย มี 93 รอยเลื่อน ที่ยังไม่ตาย

ในส่วนของประเทศไทยบริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันตกอาจจะเกิดสึนามิและแผ่นดินไหวได้อีก เพราะมีรอยเลื่อนในมหาสมุทรอินเดีย ส่วนที่ว่าจะมีอาฟเตอร์ช็อคอีกครั้งในญี่ปุ่นจะไม่ส่งผลประทบกับไทยแน่เพราะเป็นคนละรอยเลื่อนกับไทย

แต่รอยเลื่อนศรีสวัสดิ์นั้นน่าเป็นห่วง และก็มีรอยเลื่อนที่ยังไม่ตายในฝั่งไทยค่อนข้างมากถึง 93 รอยเลื่อน ทั้งที่ จ.เชียงใหม่ จ.ตาก ถ้าเกิดแผ่นดินไหวใหญ่อีกครั้งสามารถสร้างความเสียหายได้เช่นกัน

.......................................

กรณีฝูงปลานับล้าน เกี่ยวข้องกับ แผ่นดินไหว-สึนามิ ???

ปลาตายนับล้าน! ที่ ชายหาด Redondo แคลิฟอเนีย เมื่อ 8 มี.ค 2011 (ก่อนหน้า แผ่นดินไหว-สึนามิ ญี่ปุ่น 2 วัน) นักวิทยาศาสตร์สันนิษฐาน ณ วันเกิดเหตุ คงเพราะขาดอากาศหายใจ







.......................................

ฝูงปลาซาร์ดีนดำทะมึนล้นหาดเม็กซิโก เมื่อ 11 มึ.ค. 2011 (วันเดียวกันกับเกิดแผ่นดินไหว-สึนามิ ญี่ปุ่น) หลายคนสันนิษฐานว่า เหตุการณ์ดังกล่าวอาจจะเป็นผลพวงมาจากเหตุแผ่นดินไหวและสึนามิที่ประเทศ ญี่ปุ่น หรืออีกฟากฝั่งของมหาสมุทร ส่งผลให้ปลาซาร์ดีนหลงทิศและยังจับกลุ่มกันมาถึงชายหาดดังกล่าว และ กรณีของปลาตายนับล้านที่แคลิฟอเนีย ก็น่าจะเกี่ยวโยงด้วยเช่นกัน










วันพุธที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2554

จีน-พม่า ทิ้งแผ่นดิน

สารคดี เนื้อหาสังเขปว่าด้วย กุลีจีน ในอดีต...


- MV "วิหคพลัดถิ่น" (ละคร"อยู่กับก๋ง") สะท้อนชีวิตคนจีนในไทย


................................

หนังสือ "คนจีนทิ้งแผ่นดิน"
(หนังสือใหม่ยังพอหาได้ร้านหนังสือทั่วไป ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี 2553 เอง )


เรื่องราวการอพยพ ของบรรพบุรุษชาวจีนแผ่นดินใหญ่(บรรพบุรุษของพวกเราคนไทยหลายคนนั้นเอง) ที่ตัดสินใจละทิ้งถิ่นฐานบ้านเกิดมาสู่ประเทศสยาม ตั้งแต่กรุงศรีอยุธยาถึงยุครัตนโกสินทร์

...ว่าโดยทั่วไปแล้วไม่มีใครอยากละทิ้งบ้านเกิดเมืองนอน อพยพไปทำงานต่างประเทศแดนไกล มิหนำซ้ำยังต้องมาขายแรงงานที่เรียกกันว่า"กุลี" ใช้ชีวิตไม่ได้สะดวกสบายนัก แต่อะไรคือเหตุผลและปัจจัยที่ทำให้พวกเขาต้องทำเช่นนี้ ชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขานับแต่อดีตจนถึงปัจจุบันเป็นไปอย่างไร พร้อมขนานไปกับเรื่องราวของ "ดร.ซุนยัดเซ็น" นักเคลื่อนไหวทางการเมืองของจีนที่ได้เข้ามาประเทศไทยในสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นระยะๆ มาทำไม? ทำอะไรบ้าง?
เกี่ยวข้องกับคนจีนในไทยยุคนั้นอย่างไร?...เนื้อหาในหนังสือ น่าสนใจทีเดียว

.................................

พม่า ทิ้งแผ่นดิน

- แรงงานพม่าในไทย -

ในยุคศตวรรษที่ 20-21 นี้ สังเกตุว่าชาวพม่าอพยพทิ้งถิ่นฐานมาหากินให้ไทยมากเป็นประวัติการณ์กระจายอยู่ทุกภูมิภาค ส่วนใหญ่ก็มาขายแรงงานทำนองเดียวกับคนจีนในอดีตนั้นเอง...เลยจินตนาการเป็นคำถามว่า...ชาวพม่าจะสามารถพัฒนากลายเป็นอย่างคนจีนที่เป็นอยู่ในไทยได้หรือไม่...(ไม่แน่ แรงงานพม่ายุคนี้เมื่ออยู่ในไทยนานเข้าลงหลักปักฐาน ต่อไปอาจพัฒนาเป็น นายทุน-เจ้าของกิจการขนาดใหญ่ซ้ำรอยทำนองเดียวกับที่คนจีนได้เป็นมาแล้วก็เป็นได้)...แล้วแรงงานที่เป็นชาวไทยเองล่ะ?...(หรือต่อไปจะไม่มีคนไทยประกอบอาชีพใช้แรงงานกันแล้ว?)...รัฐไทยในยุคนี้จะจัดการกับระบบโครงสร้างแรงงานต่อไปอย่างไร ไม่ใช่เรื่องเล็กเลย...ยิ่งประเทศตกอยู่ในภาวะแห่งความขัดแย้ง บวกกับทั้งกระแสโลกาภิวัตน์อันเชี่ยวกรากอย่างทุกวันนี้ด้วยแล้ว ยากที่จะคาดเดาว่าจะลงเอยเช่นใด... เผลอๆผิดพลาดโกลาหลเกินเยียวยาขึ้นมา จะกลายเป็นคนไทยเองที่อยู่ไม่ได้จำต้องทิ้งแผ่นดินซ้ำรอยคนจีน-พม่า...อย่าให้ต้องถึงขั้นนั้นเลย!


.................................

"โรฮิงญา" พม่า? ไร้แผ่นดิน
*ข้อมูลบางสาย บอก "โรฮิงญา" แท้จริงไม่ใช่คนพม่า แต่เดิมเป็นคนมุสลิมบังคลาเทศหลบหนีเข้าพม่า รัฐพม่าจึงไม่นับว่าเป็นพลเมือง

ชาวโรฮิงญาถูกลอยแพ รัฐพม่าไม่ยอมรับว่าเป็นสัญชาติพม่า ล่องเรือไปตายดาบหน้าประเทศอื่นก็ไม่มีใครรับ บ้านก็ไม่มีให้กลับ! ... แต่มีข้อมูลหลายรกระแสอ้างว่า...การลอยแพกลุ่มโรฮิงญา ไม่ใช่แค่กลุ่มคนอพยพธรรมดา แต่มีองค์กรลับการเมืองระดับโลกชักใยอยู่เบื้องหลัง เป็นแผนกลยุทธ ลับ ลวง พราง เพื่อหวังผลทางการเมืองอย่างแยบยลบางประการ ?-อาจเพื่อดิสเครดิตประเทศเป้าหมาย ?-ก่อการร้ายรูปแบบใหม่ ? ฯลฯ โดยใช้กลุ่มชน โรฮิงญา เป็น หมาก! ที่เรียกว่า "Rohingya invasion" !

- "ผมกลับไปที่ประเทศพม่าไม่ได้ ถ้ากลับไปผมต้องโดนฆ่าแน่ แต่ตอนนี้ อยู่ที่นี้ผมก็ไม่มีเอกสารที่แสดงสถานะถูกต้องทางกฎหมาย" ผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงยาส์ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย -




สัมภาษณ์ โรฮิงญา ที่ จังหวัด ระนอง (ข้อมูลตัดตอนจากส่วนหนึ่งของ ลิงค์ข่าวนี้ )

เดินทางมาประเทศไทยได้อย่างไร และมาจากที่ไหน?
มาเรือ มาจากพม่า จากเมืองมูซีดอง (น่าจะหมายถึงเมืองหนึ่งในรัฐอาระกัน หรือยะไข่ ของพม่า)

ตั้งใจมาประเทศไทยหรือเปล่า และใช้เวลาเท่าไรกว่าจะมาถึง?
เราก็มาเรื่อยๆ หนีมา 13 วันอยู่ในทะเล ถูกทหารพม่าจับอยู่ 6 วัน ต่อยทุกวัน (หมายถึงถูกทำร้าย) ขึ้นเรือแล้วก็ตี (ที่ศีรษะของนายมามุดมีร่องรอยศีรษะแตก)

ทำไมถึงถูกทหารพม่าจับ?
ผ่านมาเจอเรือทหารพม่า

ถูกจับแล้วทำไมถึงมาถึงประเทศไทยได้?
ถูกจับอยู่ 6 วันแล้วก็ปล่อย บอกว่าไม่ต้องกลับมาอีก ถ้ากลับมาจะฆ่าทิ้ง

แล้วมาถึงระนองได้อย่างไร?
เครื่องเรือเสีย ลมพัดไปที่ไหนก็ไป เครื่องบินมาเห็น ทหารไทยเลยเข้ามาช่วย

ทำไมถึงต้องหนีออกจากพม่า?
อยู่พม่าอิสระไม่มี จะไปไหนก็ไม่ได้ ผู้หญิงกับผู้ชายแต่งงานกันไม่ได้ บัตรไม่มี ทหารพม่าบอกให้ไปเรื่อยๆ ไม่ต้องกลับมาอีก

ทหารไทยปฏิบัติกับพวกคุณอย่างไร?
ทหารไทยไม่ต่อย มีแต่ช่วยเหลือ เราไม่มีข้าว น้ำไม่มี ทหารไทยก็เลี้ยงข้าว เลี้ยงน้ำ

ทำไมถึงพูดภาษาไทยได้?
ตอนอายุ 11-12 เคยมาทำงานที่แม่สอด (จ.ตาก) ตอนนั้นเดินมา ไม่ได้มาทางเรือ มาทำงาน ปลูกข้าวโพดได้ 2 ปี เก็บเงินได้ก็กลับบ้าน แล้วก็กลับมาอีก ก็เลยโดนจับ

เคยได้ยินเรื่องที่ทหารไทยทำร้ายชาวโรฮิงญาหรือเปล่า หมายถึงได้คุยกับคนอื่นแล้วมีคนเคยเล่าให้ฟังไหม?
ไม่เคยได้ยินว่าทหารไทยต่อย เจอทหารไทยก็บอกให้ช่วยหน่อย เขาก็ให้กิน

ช่วงที่ถูกกักตัว เจ้าหน้าที่ดูแลดีไหม ให้ข้าวกินหรือเปล่า และวันๆ หนึ่งทำอะไรบ้าง?
ก็อยู่เฉยๆ ไม่ได้ทำอะไร เขาให้กินข้าววันละ 3 ครั้ง

สมัยอยู่พม่าทำอะไร?
ดำนา ดำนาอย่างเดียว หาปลาไม่ได้ ทอดแหก็ไม่ได้

อยากกลับบ้านไหม
ไม่กลับ ถ้ากลับทหารพม่าจะมาฆ่าทิ้ง

แล้วถ้าถูกส่งกลับจะทำอย่างไร?
ถ้าจะให้กลับ ผมอยากตาย จะกินยาให้ตายเลย เพราะยังไงเขาก็ฆ่าทิ้งอยู่แล้ว

อยากให้ประเทศไทยทำอะไรให้?
อยากให้หางานให้ทำ ทำอะไรก็ได้

สมัยอยู่พม่าเคยฝึกทหารหรือเปล่า โรฮิงญาเป็นเผ่านักรบหรือเปล่า?
ฝึกทหารไม่ได้ ไม่มีการฝึกทหารเพื่อสู้กับใคร เราเป็นทหารไม่ได้

วันเสาร์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2554

รำลึกเพื่อน...สมัยประถม


จากกันไปนาน รำลึกกันหน่อย..."มานะ มานี ปิติ ชูใจ..." ฯลฯ

คนที่เรียนหนังสือชั้นประถมในช่วงยุค พ.ศ. 2521 จนถึงปี 2530 ทุกคนต้องคุ้นชื่อเพื่อนๆข้างต้นเป็นอย่างดี จัดเป็น"มหากาพย์การ์ตูนคอมมิค"ชุดแรกในชีวติที่คนรุ่นนั้นได้สัมผัส :) แต่งโดย อ.รัชนี ศรีไพรวรรณ เขียนภาพประกอบโดย 3 ท่านหนึ่งในนั้นคือ คุณ "เตรียม ชาชุมพร" นักวาดการ์ตูนและนิยายภาพชื่อดังแห่งชัยพฤกษ์การ์ตูน และอีก 2 ท่านคือ"โอม รัชเวช" และ "ปฐม พัวพิมล" แต่ปัจจุบันหนังสือแบบเรียนมานีชูใจ กระทรวงศึกษาธิการ ได้ยกเลิกไป แล้ว



ใครเป็นใคร มาจากไหน (คนหลักๆ)

มานี รักเผ่าไทย
มีหมาน้อยชื่อ "เจ้าโต" มานีเป็นเด็กเรียนดี เป็นคนเดียวในโรงเรียนที่เรียนต่อระดับมัธยมศึกษาที่กรุงเทพ ในชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มานีเป็นรองประธานนักเรียนของโรงเรียน

มานะ รักเผ่าไทย
เป็นพี่ของมานี มีสัตว์เลี้ยงเป็นนกแก้ว

ปิติ พิทักษ์ถิ่น
มีม้าชื่อ "เจ้าแก่" ตอนหลังเจ้าแก่ตาย ทำให้ปิติเศร้า ต่อมาถูกสลากออมสินเป็นเงินจำนวน 1 หมื่นบาท จึงนำเงินไปซื้อลูกม้าตัวใหม่และตั้งชื่อให้ว่า "เจ้านิล" ทดแทนการตายของเจ้าแก่

วีระ ประสงค์สุข
เป็นเด็กอาภัพ มีพ่อเป็นทหารตายในระหว่างรบ ตั้งแต่วีระยังอยู่ในท้อง ส่วนแม่ตรอมใจตายหลังจากคลอดวีระ 15 วัน ทำให้วีระอยู่กับลุงตั้งแต่เกิด วีระมีลิงแสมชื่อ "เจ้าจ๋อ"

ดวงแก้ว ใจหวัง
มีบ้านเกิดอยู่ที่จังหวัดสุพรรณบุรี

ชูใจ เลิศล้ำ
เป็นเพื่อนสนิทมานี มีแมวชื่อ "สีเทา" ชูใจอยู่กับย่าและอา ตั้งแต่เล็ก โดยไม่รู้รายละเอียดของพ่อและแม่ที่แท้จริง ซึ่งความจริงคือ พ่อของเธอเสียชีวิตตั้งแต่ชูใจอายุ 1 ขวบ ส่วนแม่ก็อาศัยอยู่ต่างประเทศ และต่อมาแม่บินกลับมารับชูใจกลับไปอยู่ด้วยกัน แต่ชูใจกลับเลือกอยู่กับย่า

สมคิด
มีปู่อยู่ที่จังหวัดภูเก็ต จบป.6 แล้วก้ย้ายกลับเรียนต่อและอยู่ที่ภูเก็ต

เพชร
เกิดในครอบครัวจน มีบ้านเกิดอยู่ที่จังหวัดอุบลราชธานี เคยพุ่งฉมวกปักงูในอุโมงค์ช่วยเหลือเพื่อน แม่ของเพชรถูกงูกัดตายขณะเก็บหน่อไม้ในป่า

จันทร
เป็นผู้หญิง ขาลีบพิการ ในตอนท้ายของเรื่อง ได้รับคัดเลือกให้ร้องเพลง "ความฝันอันสูงสุด" และยังได้อ่านทำนองเสนาะต่อหน้าพระพักตร์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และยังได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าให้แพทย์หลวง รับตัวไปรับการผ่าตัดขาที่กรุงเทพฯ จนขาหายเป็นปกติ

คุณครูไพลิน
เป็นครูประจำชั้นตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึง ปีที่ 3 คุณครูไพลินพบเกษตรอำเภอที่ชื่อว่า "ทวีป" ครั้งแรกเมื่อคราวไฟไหม้ตลาด ซึ่งเด็กๆ เป็นตัวเชื่อมให้ได้รู้จักและแต่งงาน ทั้งคู่มีลูกสาวด้วยกัน 1 คน

คุณครูกมล
เป็นครูประจำชั้นตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ถึงปีที่ 6