วันพฤหัสบดีที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2552

โฮโลแกรม 3 มิติ


- นับตั้งแต่มีการปฏิวัติเทคโนโลยีสารสนเทศ ปรากฏการณ์โลกาภิวัฒน์ก็ได้บังเกิดขึ้น จาก Old Media ระบบแอนนาล็อคพัฒนาต่อยอดไปสู่ New Media ระบบดิจิตอล อันมี WWW-Internetความเร็วสูง, CPU ความเร็วสูง, หน่วยความจำมหีมาขนาดTerabyte, เทคโนโลยีไร้สสายอย่าง Wi-fi หรือ 3G, เทคโนโลยีส่งสัญญาณผ่านดาวเทียม ฯลฯ ทั้งหลายเหล่านี้ได้ช่วยกันขับเคลื่อนโลกให้หมุนเร็วยิ่งๆขึ้นไปทุกที ทุกที -

ผลจากการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศต่างๆที่ผ่านมาดังกล่าว ได้ปูทางให้ระบบ Touch screen หรือ Multi-Touch กลายเป็นเทคโนโลยี Trend หลักแห่งยุคที่ได้สร้างความตื่นตาตื่นใจต่อมหาชนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อครั้งที่มีการเปิดตัวนวัตกรรมใหม่ของค่าย Apple นั้นคือ ผลิตภัณฑ์ นามว่า "iPhone" หลังจากนั้นไม่นานหลายบริษัทหลายค่ายได้ทะยอยพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตนให้เป็นระบบ Touch screen ออกสู่ตลาดตามๆกันมาอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ เครื่องเล่นเพลงMp3-วิดิโอMp4, และเครื่องคอมพิวเตอร์ อย่างที่เราได้เห็นได้ยินผ่านหูผ่านตากันในปัจจุบัน จนระบบ Touch screen ได้กลายเป็นเรื่องธรรมดาๆที่ผู้คนทั่วๆไปเริ่มชินชาเฉยๆกับเทคโนโลยีชนิดนี้ไปเรียบร้อยแล้ว ถึงแม้ว่าช่วงหลังจะมีการพัฒนาลูกเล่นต่างๆนานาเพิ่มขึ้นอีกมากมายก็ตามที...และคาดว่าอีกไม่นานภายในไม่กี่ปี อุปกรณ์สารสนเทศรวมทั้งอุปกรณ์ที่จะผลิดออกมาใหม่ทั่วๆไปคงเลิกใช้ระบบกดปุ่มบนแป้นคีย์บอร์ดแล้วหันมาใช้การสั่งการบนปุ่มดิจิตอลระบบ Touch screen แทนกันเกือบหมดไม่ว่าจะเป็น ตู้ATM, โทรศัพท์สาธารณะ, แคชเชียร์คิดเงินในร้านสะดวกซื้อ-Kioskต่างๆในห้าง, หน้าปัดต่างๆภายในพาหนะยานยนต์ต่างๆอาทิ เครื่องบิน รถไฟฟ้า รถยนต์, หรือแม้แต่อุปกรณ์ประจำบ้านพื้นๆ ทีวี ตู้เย็น หม้อหุงข้าว เครื่องซักผ้า เครื่องเป่าผม ฯลฯ

Multi-touch : Microsoft surface computer โดย Microsoft


Multi-touch Wall พัฒนาโดยค่าย Autodesk


คำถาม : ถัดจากโลกาภิวัฒน์ยุค Touch screen แล้ว...คาดว่าเทคโนโลยีใหม่จะปรากฏตัวออกมาในรูปแบบใด ที่จะสร้างปรากฏการณ์ปฏิวัติเทคโนโลยีสารสนเทศอีกรอบ ???

คำตอบ : ที่น่าจับตามองที่สุดในขณะนี้คือ !! 3D Hologram !!

3D Hologram เทคโนโลยีเต็งหนึ่งที่จะมาต่อยอดยุคโลกาภิวัตน์ไปสู่ยุคใหม่ที่นักสังคมศาสตร์และนักประวัติศาสตร์อนาคตได้คาดการณ์ และได้มีการเรียกชื่อกันเล่นๆไปพลางๆก่อนว่า "ยุคแห่งโลกเสมือนจริง" หรือ " The Age of Virtual Reality "

และลองจินตนาการเล่นๆต่อไปว่า...เมื่อมีการบรรจบกันระหว่าง เทคโนโลยีโฮโลแกรมเสมือนจริง+เทคโนโลยีหุ่นยนต์ ล่ะ!! ถึงตอนนั้น โลกจะพลิกโฉมเป็นเช่นไร? (ดูบล็อกเกี่ยวกับหุ่นยนต์ที่ สถาปนา หุ่นยนต์! และ สถาปนาหุ่นยนต์ภาค 2 "HRP-4C" )


โฮโลแกรม
(Hologram)
คำนี้ คิดว่าหลายคนคงคุ้นเคยและรู้จักกันดีในรูปแบบของภาพที่สร้างขึ้นให้ดูเหมือนมีความชัดลึกมีความนูนหลุดออกมาจากกรอบ เราจะเห็นโฮโลแกรมแบบนี้ได้จากบัตรเครดิต, รูปลอกในวารสารชั้นนำหรือรูปภาพโฮโลแกรมที่ขายตามท้องตลาดทั่วๆไป เช่น รูปวิวทิวทัศน์, รูป ร.5 หรือรูปบุคคลสำคัญต่างๆ เป็นต้น แต่ยังไงเสียจะพบว่าโฮโลแกรมแบบนี้ถึงแม้จะให้ความรู้สึกที่นูนมีมิติ แต่ก็ยังไม่ลอยรอบด้าน เป็น 3 มิติที่แท้จริง

แนวคิดของ โฮโลแกรม นั้นจริงๆแล้วไม่ใช่เป็นเพียงแค่ภาพฉากลวงตาที่มีระยะชัดลึกข้างต้น แต่ยังหมายถึงแสง 3 มิติลอยตัวรอบด้านเสมือนจริงราวกับว่าวัตถุที่เราเห็นนั้นจับต้องโอบกอดได้ที่เรียกว่า "3D Hologram" แนวคิดโฮโลแกรมนี้มีการกล่าวถึงกันมานานเป็นหลายสิบปีแล้วในวงการนิยายวิทยาศาสตร์และภาพยนตร์ Sci-Fi เช่นในหนังสือเรื่อง...

The Foundation ของ Isaac Asimov มีตอนที่เกี่ยวกับ เทคโนโลยีโฮโลแกรม คือตัวละครเอกชื่อว่า ดร.ฮาริ เซลดอน (Hari Seldon) ผู้วางรางฐานการสร้างสถาบันสถาปนาเพื่อช่วยย่นระยะกลียุคของจักรวาลให้สั้นลง ได้บันทึกร่างของตัวเองในรูปแบบแสงโฮโลแกรมสามมิติไว้ก่อนตาย และตั้งเวลาเพื่อปรากฏตัวให้คนยุคหลังได้เห็นเป็นยุคๆ เพื่อบอกกล่าว-ตักเตือน-รวมถึงแก้ปัญหาต่างๆที่ตนได้คาดเดาไว้อย่างแม่นยำในระหว่างที่สถาบันสถาปนากำลังดำเนินการก่อร่างสร้างตัวอยู่ โดยการปรากฏตัวแต่ละยุคกินเวลาห่างเป็นสิบปี หรือร้อยๆปี กันเลยทีเดียว นับว่าจินตนาการของ Asimov บรรเจิดน่าสนใจมาก และใครที่ได้ชมภาพยนตร์เรื่อง...

Star Wars สงครามจักรวาล ภาพยนตร์ยอดฮิตตลอดกาล คงคุ้นเคยกับฉากที่ตัวละครติดต่อสื่อสารกันด้วยแสงโฮโลแกรมปรากฏออกมาเป็นตัวคนเสมือนจริงอยู่ตรงหน้า

การสื่อสารแบบโฮโลแกรมในภาพยนตร์ Starwars

Iron Man พระเอกได้ใช้ Computer สร้างเกราะหุ่นยนต์ Iron Man ร่างสุดท้าย(ตัวสีแดง-ทอง) ซึ่งจะพบว่าจอคอมในหนังไม่ใช่คอมเบบที่เราใช้กันแต่เป็นจอแสง 3 มิติลอยอยู่ในอากาศ สั่งการแบบใช้เสียงพูดรวมทั้งใช้มือสัมผัสคลิกเมนูทำนองเดียวกับ Touch screen และภาพวัตถุจำลองส่วนประกอบหุ่นยนต์ที่ออกแบบก็เป็นลักษณะลำแสงโฮโลแกรมลอยตัวในอากาศ หมุนได้รอบด้าน...

THX 1138 หนังเก่าแต่แนวคิดโคตรล้ำของ George Lucas มีฉากหนึ่งที่ตัวเอกของเรื่องที่มีชื่อเดียวกับชื่อภาพยนตร์ "THX 1138" ได้สำเร็จความใคร่!!ด้วยการดู หญิงเปลือยโฮโลแกรม 3 มิติ

และแนวคิดเกี่ยวกับโฮโลแกรมที่น่าพิศวง ล้ำหน้าและเหนือชั้น มากกว่านวนิยาย sci-fi เรื่องใดๆเท่าที่เคยมีมา ก็คือ โฮโลแกรมในหนังเรื่อง...


Star Trek ภาค 9 : Insurrection (หนังปี 1998) เรื่องมีอยู่ว่ามีชาวต่างดาวพวกหนึ่งพยายามใช้เทคโนโลยีโฮโลแกรม ปล้นทรัพยากรบนดาวดวงอื่นโดยไม่ให้คนในดาวดวงนั้นรู้ตัว ด้วยการสร้างเมืองโฮโลแกรมเสมือนจริงและใช้เทคโนโลยีย้ายมวลสาร! ค่อยๆย้ายคนในดาวนั้นขณะหลับอยู่ไปยังเมืองโฮโลแกรม และก็วางแผนอีกชั้นว่าจะย้ายโฮโลแกรมไปไว้ที่ดาวดวงอื่นอีกที เมื่อคนที่ถูกย้ายตื่นขึ้นมาจึงนึกว่าตนยังอยู่ในเมืองหรือในดาวของตัวเองเหมือนทุกวันไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง หารู้ไม่ว่าสิ่งที่เห็นรอบตัวทั้งบ้านเมืองและทิวทัศน์ต่างๆเป็นแค่โฮโลแกรม ส่วนดาวหรือโลกจริงๆของตนนั้นกำลังจะถูกปล้น และเหตุที่ไม่ปล้นบุกรุกโจมตีแบบเปิดเผยตรงๆก็เพราะต้องการกระทำการอย่างลับๆ(แต่ความลับดันมาแตกกลางคันเสียก่อน) เพื่อไม่ให้สหพันธจักรวาลรู้ มิเช่นนั้นจะถูกต่อต้านจากพันธมิตรดาวดวงอื่นๆ และเป้าหมายจริงๆก็ไม่ได้ต้องการปล้นหมดทั้งดาว แต่ต้องการปล้นแค่ทรัพยากรสำคัญบางส่วนของดาวเท่านั้น นั่นคือรังสีที่อยู่ในวงแหวนล้อมรอบดาวอันมีสรรพคุณพิเศษช่วยชะลอความแก่และยังส่งผลให้อายุยืนเป็นหลายพันปี คนในดาวดวงนี้จึงดูหนุ่มสาวตลอดเวลา อาทิ คนที่มีอายุ 200-300 ปีแต่ภายนอกรูปร่างหน้าตาดูเป็นหนุ่มเป็นสาวอายุประมาณแค่ 10-20ปี เท่านั้น

ชาวต่างดาวในเรื่อง Star Trek ภาค Insurrection ที่ต้องการรังสีพิเศษของดาวดวงอื่น เพื่อใช้เปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ของตนซึ่งมีผิวหนังเหี่ยวย่น

และปัจจุบันเทคโนโลยี 3D Hologram กำลังพัฒนาเข้าใกล้ความจริงเข้าไปทุกทีแล้ว คลิปวิดิโอล่างนี้ คือโฮโลแกรม 3 มิติของจริงที่ว่ากันว่าใกล้เคียงกับจินตนาการที่สุดเท่าที่เคยมีมา เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาโดยแผนก ICT ของมหาวิทยาลัย Southern California โดยใช้ชื่อว่า "Live 3D Teleconferencing" ไปดูตัวอย่างจากวีดีโอเลย...


Live 3D Teleconferencing โดย ของมหาวิทยาลัย Southern California

อีกตัวอย่างของความพยายามพัฒนาทดลองใช้เทคโนโลยีตามแนวคิดของโฮโลแกรมคือ สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น (CNN News) ได้ทดลองใช้เทคนิคโฮโลแกรมรายงานข่าวการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาล่าสุด เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2551 จนการรายงานข่าวครั้งนี้ได้กลายเป็นข่าวเสียเอง เมื่อสำนักข่าวต่างๆนำไปเผยแพร่ทั่วโลก โดยซีเอ็นเอ็นใช้เทคนิคติดตั้งกล้องบันทึกภาพที่มีความละเอียดสูง (High Definition -HD) ถึง 35 ตัวตั้งล้อมรอบผู้สื่อข่าวในมุม 360 องศา กล้องทุกตัวส่งภาพไปยังห้องส่งเพื่อให้คอมพิวเตอร์ 20 เครื่อง สร้างภาพโฮโลแกรมขึ้นมา จากนั้นก็ถ่ายทอดไปยังท่านผู้ชมผ่านทีวี สร้างความฮือฮาให้กับผู้ชมเป็นอย่างมาก...


นักข่าวผู้โชคดีที่ได้สร้างปรากฏการณ์โฮโลแกรมครั้งแรกคือนักข่าวสาว เจสสิกา เยลลิน ที่ทำข่าวภาคสนามอยู่ในสวนสาธารณะแกรนต์ พาร์ก นครชิคาโก อันเป็นจุดที่บารัก โอบามา ใช้เป็นเวทีประกาศชัยชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี

เทคโนโลยี 3D Hologram จะพัฒนาต่อไปอย่างไร? จะเป็นเทคโนโลยีแบบใหม่ที่จะถูกนำมาใช้ในด้านสารสนเทศหรือในด้านอื่นๆในอนาคตอันใกล้นี้ได้จริงๆหรือไม่?

จับตาดูกันต่อไป !

1 ความคิดเห็น: