ปกติชีวิตประจำวันใช้คอมพิวเตอร์ตระกูล PC-Windows เป็นหลัก แต่ก็ติดตามผลงางผลิตภัณฑ์ค่าย Apple อยู่เป็นนิจ เพราะชื่นชมในการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์ เรียบหรู ดูดีไปอีกแบบ
ไปเจอหนังสือเล่มนี้โดยบังเอิญ "Inside Steve's Brain ผ่าความคิด สตีฟ จอบส์" อืมชื่อคุ้นๆ(เคยเห็นเล่มต้นฉบับภาคภาษาอังกฤษ เปิดดูผ่านๆ แต่ไม่ซื้อ เพราะขี้เกียจแกะภาษาอังกฤษ และที่สำคัญคือ...แพง! ฮึๆๆ) หน้าปก-รูปเล่มดูดีนะ เปิดดู พบประโยคหนึ่ง... Steve Jobs กล่าวกับทีมงานว่า"การตัดสินใจทีสำคัญที่สุดของคุณนั้น ไม่ใช่สิ่งที่คุณตัดสินใจทำ แต่คือสิ่งที่คุณตัดสินใจไม่ทำ" คม! ลองอ่านหน้าอื่นๆเนื้อหาน่าสนใจทีเดียว พลิกดูราคา 290 บาท โอเค พอไหว...
Leander Kahney เขียน : แปลเป็นไทย โดย สิทธิ หลีกภัย(เป็นอะไรกับ พณฯ ชวน หลีกภัย?)
เนื้อหาหนังสือเล่มนี้ ว่าด้วยเบื้องหลังแนวความคิดและการทำงานตามแนวทางของ สตีฟ จอบส์ ในการทำธุรกิจและสร้างสรรค์นวัตกรรมล้ำสมัยแห่งยุค อาทิ คอมพิวเตอร์ iMac, โน๊ตบุ๊ค MacBook, ระบบปฏิบัติการ Mac OS อย่าง Leopard, โดยเฉพาะเป็นที่ฮือฮากันมาก...เครื่องเล่น mp3 ตะกูล iPod และ โทรศัพท์มือถือ iPhone ถึงแม้จะเป็นหนังสือที่เกี่ยวกับวงการคอมพิวเตอร์-ธุรกิจไอที แต่คิดว่าเป็นหนังสือมีประโยชน์กับคนวงการอื่นๆด้วยเช่นกัน เพราะเนิ้อหาอุดมไปด้วยมุมอง, แนวคิดใหม่ๆ, ปรัชญาในการทำงาน, การสร้างแรงบันดาลใจ, การคิดนอกกรอบ, การบริหารธุรกิจ, กลยุทธ์การตลาด, วิธีคิดสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์นวัตกรรมใหม่ๆ และอื่นๆที่น่าสนใจอีกมากมาย
ตัวอย่างเนื้อหาบางส่วน
Jobs บอกว่า เขาได้รับแรงบัลดาลใจมาจาก Bob Dylan และ Picasso "คือเขาไม่อยู่เฉย ศิลปินที่ประสบผลสำเร็จหลายๆคน เมื่อถึงจุดหนี่งก็เริ่มเสื่อมถอย เพราะเขามัวแต่ทำในสิ่งที่ทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จครั้งแรก แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีวิวัฒนาการอะไร แต่ถ้าหากพวกเขายังเสี่ยงต่อความล้มเหลวอยู่ละก็ พวกเขาก็ยังคงเป็นศิลปินอยู่ ผมจึงไม่กลัวที่จะต้องเริ่มต้นใหม่ตั้งแต่แรก"
ด้วยแนวคิดของ Jobs ที่ว่า...
"รถทุกคันมีหน้าที่เดียวกันทั้งนั้นคือ ใช้ขับจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง แต่ทำไมหลายคนถึงใฝ้ฝันและจ่ายเงินจำนวนมากซื้อรถ BMW แต่ไม่ซื้อ Chevy" บริษัท Apple จึงผลิตแต่สินค้า hi-end คุณภาพสูงเจาะเฉพาะลูกค้าชั้นดี ขายราคาแพงกว่าคู่แข่ง ถึงแม้ขายได้ปริมาณน้อยกว่าแต่ได้กำไรมากกว่า และถึงแม้จะมีสินค้า Copy เลียนแบบแต่ก็ทำไม่ได้ดีเท่าและแทบไม่มีผลต่อต่อยอดขายต่อสินค้นต้นฉบับเลย (จากสถิติและส่วนต่างกำไรเปรียบเทียบ ไตรมาสแรก ค.ศ.2007 Dell จำหน่ายสินค้ามากกว่า Apple ถึง 5 เท่าแต่มีกำไรแค่ 2 ล้าน 8 แสนดอลลาร์ในขณะที่ Apple มีกำไร สูงถึบ 850 ล้านดอลลอร์!!)
ตัวอย่างเนื้อหาบางส่วน
Jobs บอกว่า เขาได้รับแรงบัลดาลใจมาจาก Bob Dylan และ Picasso "คือเขาไม่อยู่เฉย ศิลปินที่ประสบผลสำเร็จหลายๆคน เมื่อถึงจุดหนี่งก็เริ่มเสื่อมถอย เพราะเขามัวแต่ทำในสิ่งที่ทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จครั้งแรก แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีวิวัฒนาการอะไร แต่ถ้าหากพวกเขายังเสี่ยงต่อความล้มเหลวอยู่ละก็ พวกเขาก็ยังคงเป็นศิลปินอยู่ ผมจึงไม่กลัวที่จะต้องเริ่มต้นใหม่ตั้งแต่แรก"
ด้วยแนวคิดของ Jobs ที่ว่า...
"รถทุกคันมีหน้าที่เดียวกันทั้งนั้นคือ ใช้ขับจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง แต่ทำไมหลายคนถึงใฝ้ฝันและจ่ายเงินจำนวนมากซื้อรถ BMW แต่ไม่ซื้อ Chevy" บริษัท Apple จึงผลิตแต่สินค้า hi-end คุณภาพสูงเจาะเฉพาะลูกค้าชั้นดี ขายราคาแพงกว่าคู่แข่ง ถึงแม้ขายได้ปริมาณน้อยกว่าแต่ได้กำไรมากกว่า และถึงแม้จะมีสินค้า Copy เลียนแบบแต่ก็ทำไม่ได้ดีเท่าและแทบไม่มีผลต่อต่อยอดขายต่อสินค้นต้นฉบับเลย (จากสถิติและส่วนต่างกำไรเปรียบเทียบ ไตรมาสแรก ค.ศ.2007 Dell จำหน่ายสินค้ามากกว่า Apple ถึง 5 เท่าแต่มีกำไรแค่ 2 ล้าน 8 แสนดอลลาร์ในขณะที่ Apple มีกำไร สูงถึบ 850 ล้านดอลลอร์!!)
อ่านจบเล่มแล้วส่วนตัวรู้สึกว่า Jobs เป็นคนค่อนข้างสุดโต้ง-เผด็จการ(อย่างสร้างสรรค์)พอสมควรและมีความเป็นสมบูรณ์นิยมสูง(Perfectionism) มีความคิดแบบสุนทรีย์ในเชิงศิลปะล้ำลึกทีเดียว สินค้าของ Apple ส่วนใหญ่เป็นระบบปิด Jobs ไม่ค่อยแบ่งปันหรือแชร์การใช้งานร่วมกันกับผลิตภัณฑ์ค่ายอื่นๆ และมัก Lock ระบบไม่ยอมให้คนนอก หรือลูกค้ามาทำการแก้ไขหรือมีปฏิสัมพันธ์กับตัวระบบของผลิตภัณฑ์ เนื่องจากต้องการรักษามาตรฐานของตัวไว้ ดังที่แนวคิดอันรุนแรงของเขาที่ว่า. . .
"ศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ไม่อยากให้ไอ้งั้งที่ไหนก็ไม่รู้มาละเลง
หรือมีส่วนร่วมกันงานศิลปะชิ้นเลิศของตัวเอง"
ขณะที่คู่แข่งที่มีสินค้าเกี่ยวเนื่อง อาทิ Microsoft, HP ฯลฯ ระบบส่วนใหญ่ค่อนข้างเปิด(OpenSource) เปิดโอกาสให้ผู้บริโภคสามารถปรับแต่งระบบเองได้และสามารถประยุกต์ใช้งานร่วมกันระหว่างผลิตภัณฑ์ต่างค่ายต่างแบรนด์ได้เป็นอย่างดี ซึ่งส่งผลดีต่อผู้บริโภคที่สามารถใช้งานได้กว้างและหลากหลาย แต่ถึงอย่างไรนวัตกรรมของ Apple-Jobs ก็เป็นแบรนด์ที่ทรงพลังมีผลเชิงจิตวิทยาให้คุณค่าทางจิตใจต่อผู้บริโภคค่อนข้างสูง เรียกว่าผู้ที่ได้ใช้ผลิตภัณฑ์ของ Apple แล้วมักจะเกิดอาการจงรักภักดี เยี่ยงสาวก! ภักดีต่อศาสดา!...Apple วันนี้จึงยังคงยืนยงได้อย่างยิ่งใหญ่และสง่างาม
Jobs จึงเป็นบุคคลตัวอย่างแห่งยุค เป็นแรงบันดาลใจ
น่านับถือและเอาเยี่ยงอย่างในหลายๆด้าน
และยังมีอะไรดีๆที่ ต้องเรียนรู้จากเขาอีกเยอะ
ชมผลงาน นวัตกรรมชั้นเลิศ ของ Jobs และบริษัทApple ที่ http://www.apple.com/
ต้องอ่านภาษาอังกฤษครับ จะยิ่งซี้ด
ตอบลบผมคิดว่า "ความคิดและเรื่องราวของ Jobs" นั้นแปลเป็นไทยไม่ได้
ผมอ่านเล่มนี้ ตอนที่ยังไม่มีฉบับแปล หลงใหลดื่มด่ำมาก
แต่เมื่อมาเห็นฉบับแปลแล้ว ตอนแรกรู้สึกเสียดายเงิน ซื้อภาษาไทยถูกกว่า อ่านง่ายกว่า
แต่เมื่อลองเข้าไปอ่านเล่นๆแล้ว พบว่า "ความงดงามของภาษา" มันต่างกัน ไม่ใช่คนแปลไม่เก่งนะครับ แต่มันแปลไม่ได้จริงๆ
เช่นเดียวกับ ปาฐกถา 2005 ที่สแตนฟอร์ด ยังไม่มีใครแปลไทยได้งดงามตามต้นฉบับ
ขอบคุณครับ ที่มาติดตามกันอย่างสม่ำเสมอ
จาก "เจริญชัย" SIU
ครับ หนังสือ หรือ วรรณกรรม ต่างประเทศ(ไม่เฉพาะภาษาอังกฤษ) ยังไงเสียก็คงไม่สามารถจะแปลให้ได้อารมณ์เทียบเท่า กับภาษต้น ฉบับ 100% แต่ถึงยังไงหนังสือดีๆ ก็ควรส่งเสริมให้แปลเป็นไทยออกมากๆนะครับ ราคาที่ถูกลงจะเป็นประโยชน์กับเยาวชนและคนในชาติอย่างมาก และเป็นการสื่อให้คนในชาติได้เปิดหูเปิดตา รู้ว่ายังมีหน้งสือ-ความรู้ดีๆอีกเยอะที่ต้องเรียนรู้
ตอบลบถ้าเป็นสุนทรพจน์ของจอบส์ ที่สแตนฟอร์ด ที่คุณไม่ระบุชื่อว่าไว้ ผมแนะนำว่าลองอ่านสำนวนแปลของ คนชายขอบ ดูนะครับ ผมว่าแจ่มเลยนะ
ตอบลบอย่าทิ้งความกระหาย อย่าคลายความซื่อ