วันศุกร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

รหัสลับ "รามเกียรติ์"

ถ้าดูอย่างผิวเผินแล้วเนื้อหาของรามายณะหรือรามเกียรติ์นั้น คงไม่มีอะไรมาก ก็แค่นิยายแฟนตาซีสนุกสนานทั่วไป...ว่าด้วยการต่อสู้กันระหว่างฝ่ายธรรมะคือ มนุษย์, ลิงและเทวดา กับฝ่ายอธรรมคือ ยักษ์ แต่จะมีใครรู้บ้างว่าหากได้ตั้งข้อสังเกต ตีความ พิจารณาให้ลึกๆแล้ว จะพบ รหัสลับ ที่น่าสนใจหลายอย่างซ่อนอยู่ ตัวอย่างเช่น


รหัสลับ ที่ ๑ : ต้นเหตุแห่งความวุ่นวาย...ใครธรรมะใครอธรรมกันแน่???

นนทก และ เทวดา
เริ่มเรื่องรามเกียรติ์นั้น เดิมทีมียักษ์ตัวหนึ่งชื่อ "นนทก" ซึ่งทำหน้าที่คอยล้างเท้าให้แก่เหล่าเทพเทวดาที่จะเข้าเฝ้าพระอิศวรจ้าวโลก(จ้าวโลกจริงๆครับ เพราะตัวแทนของพระอิศวรหรือพระศิวะก็คือ ศิวลึงค์) นนทกทำหน้าที่ด้วยดีเสมอมา แต่ว่าเหล่าเทพนั้นมักจะกลั่นแกล้งนนทกด้วยการตบหัวและถอนผมของนนทกเล่นเป็นนิจ แกล้งเรื่อยไปกระทั้งนนทกหัวล้าน นนทกเจ็บใจทนไม่ไหวจึงได้อ้อนวอนต่อพระอิศวรขออิทธิฤทธิ์เพื่อไม่ให้ใครรังแกได้อีก พระอิศวรเห็นใจจึงประทานฤทธิ์นิ้วเพชรที่ทรงพลังให้ ซึ่งหากชี้ไปที่ใครคนนั้นก็ตายก็คางเหลืองในบัดดล (ที่มาของสำนวนไทย "ชี้เป็นชี้ตาย") นนทกเมื่อได้นิ้วเพชรมาก็ยังมาปฏิบัติหน้าที่ของตนไปด้วยดี จนกระทั่งเมื่อมีเทพมากลั่นแกล้งตนอีก เขาจึงหมดความอดทนสบโอกาสใช้นิ้วเพชรสังหารเทพองค์นั้นทันที...
และด้วยความแค้นที่อัดอั้นมายาวนานจึงออกอาละวาดแก้แค้นเหล่าเทพ สร้างความเดือนร้อนไปทั่วสวรรค์ เทพสู้นนทกไม่ได้ต้องไปขอพระนารายณ์ใช้ช่วย พระนารายณ์ผู้ทรงธรรมเข้าข้างเทพ โดยได้ไม่ไต่สวนหรือตำหนิเทพ กรณีไปแกล้งตบหัว-ถอนผมนนทก ใดๆทั้งสิ้น รับเรื่องแล้วไม่รีรอ แปลงร่างเป็นนางอัปสรล่อให้นนทกหลงใหล และออกอุบายหลอกนนทกให้ใช้นิ้วเพชรชี้ไปที่ตัวเอง นนทกผู้กำลังเคลิบเคลิ้มในรูปลักษณ์เอวองค์ของนางอัปสรก็เสียท่าโดนฤทธิ์ของตัวเองเข้าที่ขาบาดเจ็บล้มฟุบลงไป พระนารายณ์กลับคืนร่างเดิม เข้าไปเหยียบนนทกไว้แทบเท้า นนทกเห็นว่าแท้จริงแล้วเป็นพระนารายณ์แปลงตัวมาก็แค้นใจ ก่อนตายจึงตำหนิว่า...
บัดนั้น - นนทกผู้ใจแกล้วหาญ
ได้ฟังจึ่งตอบพจมาน - ซึ่งพระองค์จะผลาญชีวี
เหตุใดมิทำซึ่งหน้า - มารยาเป็นหญิงไม่บัดสี
หรือว่ากลัวนิ้วเพชรนี้ - จะชี้พระองค์ให้บรรลัย
ตัวข้ามีมือแต่สองมือ - หรือจะสู้ทั้งสี่กรได้
แม้นสี่มือเหมือนพระองค์ทรงชัย - ที่ไหนจะทำได้ดั่งนี้ ฯ
พระนารายณ์ท่านจึงยั๊วะเลย ตั้งปณิธานจองเวร ไปว่า...
ชาตินี้มึงมีแต่สองหัตถ์ - จงไปอุบัติเอาชาติใหม่
ให้สิบเศียรสิบพักตร์เกรียงไกร - เหาะเหินเดินได้ในอัมพร
มีมือยี่สิบซ้ายขวา - ถือคธาอาวุธธนูศร
กูจะเป็นมนุษย์แต่สองกร - ตามไปราญรอนชีวี
ให้สิ้นวงศ์พงศ์มึงอันศักดา - ประจักษ์แก่เทวาทุกราศี
ว่าแล้วกวัดแกว่งพระแสงศรี - ภูมีตัดเศียรกระเด็นไป”
(พระพุทธเจ้าสอนว่า "เวรย่อยระงับด้วยการไม่จองเวร" แต่พระนารายณ์นิยมการจองเวร...นี่คือจุดยืนที่แตกต่าง!)
ต้นเหตุแห่งความวุ่นวายยุ่งเหยิงทั้งหลายใครเริ่มก่อนใคร???...ในเรื่องหลักฐานปรากฏชัดเจนว่า นนทกทำหน้าที่ของตนในการล้างเท้าเหล่าเทพอย่างไม่มีข้อบกพร่องมาเป็นร้อยปีทั้งๆที่เป็นงานต่ำต้อยและแม้หลังจากได้นิ้วเพชรมาแล้วในครั้งแรกเขาก็ไม่ได้หาเรื่องกับเหล่าเทพหรือกับใครๆ แต่ยังคงทำงานเป็นปกติต่อไป... ผู้รจนารามายณะหรือรามเกียรติ์ ตั้งใจจะแสดงนัยยะเพื่อบอกอะไรบางอย่างกับเราหรือเปล่า...???
***และที่โคตรซี๊ด!!...ขอเดาว่าท่านคงไม่เคยได้ยินมาก่อนเป็นแน่ มีบางตำนานกล่าวว่า หลังพระนารายณ์สังหารนนทกเรียบร้อยแล้ว ก็ไปเข้าเฝ้ารายงานต่อพระอิศวร(หรือพระศิวะ คนเดียวกัน) พระอิศวรท่านเลยอยากดูว่า รูปนางอัปสรที่พระนารายณ์จำแลงแปลงร่างหลอกนนทกนั้นจะงามสักขนาดไหนกันเชียว พระนารายณ์ก็แปลงให้ดู ผลก็คือ พระอิศวรหลงใหลในความงามน่ามืดตามัวเข้าเกี้ยวพาราสีจะร่วมรักด้วย พระนารายณ์ในร่างอัปสรจำแลงเห็นท่าไม่ดีก็อธิบายว่านี้ไม่ใช้ร่างจริงแค่ร่างมายานะท่าน...ท่านอิศวรไม่ฟังอะไรทั้งสิ้นเข้ากอด จูบ ร่วมสังวาสด้วยจนลุถึงจุดสุดยอด เสร็จกิจแล้วก็เก็บน้ำอสุจิใส่ขวดไว้...ส่วนพระนารายณ์ก็กลับเป็นร่างเดิมแล้วทูลลากลับเกษียรสมุทร...

รหัสลับ ที่ ๒ : พระรามกับปฏิบัติการโหด!! Holocaust !!ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์วงศ์ทศกัณฐ์
พระรามและสีดาในเวอร์ชั่นหนังอินเดีย

ในประวัติศาสตร์ บ่อยครั้งที่กษัตริย์ผู้เข้มแข็งเมื่อคิดจะทำสงครามบุกรุกปล้นบ้านชิงเมืองผู้อื่นแต่ยังไม่มีข้ออ้างที่สมเหตุสมผล จึงมักใช้เล่ห์เพทุบายหาเรื่องอย่างแยบยล สร้างเงื่อนไขเพื่อให้มีประเด็นอันชอบธรรมพอที่จะอ้างทำศึกสงคราม อาทิตัวอย่าง กษัตริย์พม่าขอช้างเผือกจาดกษัตริย์กรุงศรีอยุธยา โดยอ้างเหตุเพื่อเป็นการเจริญสัมพันธไมตรีอันดีต่อกัน แต่เมื่อกษัตริย์ไทยไม่มีให้ก็อ้างว่าเป็นการลบหลู่หยามเกียรติ จึงประกาศสงครามยกทัพใหญ่โจมตี
หรือที่มาบุกรุกแบบดื้อๆโฉดๆก็มีเหมือนกัน อย่างกรณี ฝรั่งล่าอาณานิคม ไม่รู้จะอ้างเหตุผลความชอบธรรมอะไรก็อ้างดื้อๆไปว่า "เพื่อพระเจ้า" บางทีก็อ้างว่า ประเทศอาณานิคมมีความเป็นอยู่ที่ล้าหลังป่าเถื่อนไร้อารยะขัดขวางต่อการพัฒนาของโลก จำต้องบุกยึดและฆ่าทิ้ง! เรียกว่าดำเนินไปตามทฏษฎี Natural Selection ของ ดาร์วิน นั้นคือ "ผู้ที่แข็งแกร่งกว่า-มีประสิทธิภาพมากกว่าเท่านั้นที่อยู่รอด และผู้ที่ด้อยกว่าย่อมถูกกำจัดเสมอ!!"การรังแก-กำจัดผู้ด้อยกว่าย่อมชอบธรรมโดยประการทั้งปวงเพราะตรงตามหลักธรรมชาติ??? (อ่านเพิ่มเติม บล็อคเรื่อง ชาร์ล ดาร์วิน "ฤามนุษย์เป็นได้แค่สัตว์ร้าย") ซึ่งจริงๆแล้วข้ออ้างเหตุผล-ทฏษฎีต่างๆก็แค่การเล่นลิ้นลวงโลกหาความชอบธรรมจอมปลอมให้ตัวเองด้วยการแก้ตัวน้ำขุ่นๆขอไปทีทั้งสิ้น สาระสำคัญและเหตุผลจริงๆในการรุกรานทำร้ายนั้นคือ ความกระหายอำนาจ ไร้มนุษยธรรม ความโลภขยายดินแดนสูบปล้นทรัพยากรผู้อื่น สร้างความมั่งคั่งและความยิ่งใหญ่เกรียงไกรเยี่ยงผู้พิชิตให้ตนเองและพวกพ้อง...ก็แค่นั้น!
มหาตมะคานธีจึงได้ให้คติข้อคิดเตือนใจไว้ว่า...
"Earth provides enough to satisfy every man’s need, but not any man’s greed." “โลกมีทรัพยากรเพียงพอที่จะเเบ่งปันให้เเก่มนุษย์ทุกคนตามที่จำเป็น เเต่มีไม่เพียงพอ ที่จะสนองความโลภของคนแม้เพียงคนเดียว”
กลศึกม้าไม้กรุงทรอย
ในมหากาพย์อีเลียด-ทรอย "เมเนเลอุส" ขอความช่วยเหลือจาก "อะกาเมมนอน" นำกองทัพกรีกเข้าบุกตีกรุงทรอย เพื่อนำเจ้าหญิงเฮเลนที่ถูกเจ้าชายกรุงทรอยนามว่าปารีสชิงตัวไปกลับมา ในฐานะของอะกาเมมนอนกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ของกรีกแล้ว นี่คือโอกาสทองในการที่จะหาข้ออ้างระดมกองทัพทั่วกรีกเพื่อตีและยึดกรุงทรอยมาเป็นของตนเสีย
และในทำนองใกล้เคียงกัน พระรามในฐานะกษัตริย์และนักการเมืองผู้ต้องการขยายอำนาจ-ดินแดน เมื่อ "สีดา" มเหสีของตนถูกทศกัณฐ์กษัตริย์ลงกาชิงตัวไป ก็นับว่าส้มหล่น...เข้าทางพระราม!! ในการที่จะระดมกองทัพพันธมิตรทั้งหมด อาทิพันธมิตรลิงเมืองขีดขินและเมืองชมพู กรีฑาทัพเข้าบุกโจมตียึดลงกาอย่างชอบธรรม อีกทั้งกลุ่มก๊วนการเมือง-กลุ่มผลประโยชน์ต่างๆในเครือข่ายของตนก็พร้อมในกันสนับสนุนเต็มที่ เนื่องด้วยเห็นว่ากระทำของทศกัณฐ์นั้นชั่วช้าไม่ชอบธรรม นี่จึงเป็นโอกาสทองที่หาไม่ได้ง่ายๆ! ลองพิจารณาดีๆ...หากพระรามเป็นผู้ทรงธรรมรักสงบ รักสันติภาพและบูชาความรัก ต้องการเพียงแค่การได้นางสีดากลับคืนมาแค่นั้นจริงๆ คงไม่ต้องถึงขนาดระดมทั้งบ้านทั้งเมืองไปสู้รบกันให้ตายเป็นเบือ มันสมองระดับมหาเทพอวตารอย่างพระราม+กับมีทีมงานและลูกน้องวิเศษๆอย่าง หนุมาน น่าจะมีอุบายวิธีแย่งตัวผู้หญิงคนเดียวอย่างนางสีดากลับคืนมาได้โดยไม่ยากนัก (ถ้าไม่ทำสงครามก็ไม่บันเทิงและไม่มีเรื่องรามเกียรติ์ให้เล่าสู่กันฟังกันนะซิ...ฮึๆๆๆ)
ปฏิบัติการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์(Holocaust)ของกองทัพนาซี
แต่พระรามกลับตัดบททำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ สร้าง MegaProject ระดมทุนทำอภิมหาสงคราม ตรงนี้ก็แสดงให้เห็นชัดเจนมากว่า พระรามไม่ได้ต้องการแค่สีดากลับมาเท่านั้น นางสีดาเป็นแค่ความมุ่งหมายชั้นรองที่เผอิญติดร่างแหประจวบเหมาะไหลตามน้ำไปกับเหตุการณ์เท่านั้น ความมุ่งหมายอันแท้จริงได้กำหนดไว้แต่ชาติที่แล้วแล้วคือ ล้างโคตรทศกัณฐ์(Holocaust)ดังปณิธาณ..."กูจะเป็นมนุษย์แต่สองกร-ตามไปราญรอนชีวี, ให้สิ้นวงศ์พงศ์มึงอันศักดา-ประจักษ์แก่เทวาทุกราศี"
มาถึงตรงนี้ลองนึกย้อนไปตอนต้นเรื่องจากชาติก่อน นนทกตอนใกล้ตายได้สบประมาทพระนารายณ์ทำนองว่า...ทำไมต้องแปลงเป็นผู้หญิงมาหลอก ไม่สู้ตัวต่อกันตัวแบบลูกผู้ชายล่ะ...และเมื่อถึงชาติใหม่แทนที่พระนารายณ์ในภาคพระรามจะมาต่อสู้กับทศกัณฐ์แบบตัวต่อตัวสำแดงฝีมือกันให้เห็นดำเห็นแดงเป็นที่ประจักษ์กันไปทั้ง 3 โลก(โลกมนุษย์, สวรรค์และเมืองบาดาล ตามคติฮินดู) กลับสร้างเงื่อนไขให้กลายเป็นการทำสงครามล้างโคตรยึดแผ่นดิน และในตอนท้ายที่ทศกัณฐ์ตาย จริงๆแล้วก็ไม่ได้ตายด้วยฝีมือของพระราม เพราะก่อนหน้าหนุมานได้กระทืบกล่องดวงใจทศกัณฐ์ แล้วจึงค่อยบอกให้พระรามแผลกศรไปที่ทศกัณฐ์ทำนองว่าให้พอเป็นพิธีในนามหลอกๆว่าพระรามคือผู้ลงมือสังหารทศกัณฐ์

รหัสลับ ที่ ๓ : พระรามอารยัน VS ทศกัณฐ์ดารวิเดียน ที่ศรีลังกา
ในมิติทางประวัติศาสตร์การต่อสู้ระหว่างมนุษย์,เทพและลิงกับยักษ์ในรามเกียรติ์จริงๆแล้ว คือ บันทึกการสงครามระหว่าง เผ่าอารยัน(Aryan) และ เผ่าดราวิเดียน(Dravidian) นครลงกาอันเป็นชื่อนครหลวงของวงศ์ยักษ์ที่ทศกัณฐ์เป็นผู้ปกครองในเรื่องรามเกียรติ์นั้น แท้จริงแล้วก็คือประเทศศรีลังกานั่นเอง มีหลังฐานทางประวัติศาสตร์หลายแหล่งที่มักเรียก "เกาะศรีลังกา" ว่า "ลงกา" และดินแดนแถบอินเดียทั้งหมดแต่เดิมนั้นเป็นดินแดนของพวกดราวิเดียน พวกพระรามเผ่าอารยันได้อพยพเข้ามารุกรานและยึดไปในภายหลัง ชนเผ่าดราวิเดียนผู้แพ้นั้นเป็นพวกที่มีรูปร่างสูงใหญ่ ผิวดำคล้ำ ผมหยิก จึงได้ถูกวาดภาพให้เป็น "พวกยักษ์" อันมีหน้าตาหน้าเกลียดดุร้ายหน้ากลัวไร้มนุษยธรรม ในขณะที่ชนเผ่าอารยัน ผิวกายขาว รูปร่างหน้าตาคมสันกว่า ก็เรียกตัวเองว่า "เทพอวตารเป็นมนุษย์ผู้ทรงธรรม"
เผ่าดราวิเดียน
"ผู้ชนะย่อมเขียนประวัติศาสตร์ยกตัวเองเป็นเทพฝ่ายธรรมะผู้ดีเลิศประเสริฐศรีไปเสียทุกอย่าง ส่วนผู้แพ้ก็ย่อมถูกกดให้เป็นยักษ์มารฝ่ายอธรรมผู้ชั่วช้าลามกไปเสียทุกเรื่องโดยปริยาย"

- นี้เป็นความจริงอันแสนกระอักกระอ่วน -

6 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ1 พฤษภาคม 2552 เวลา 14:04

    อาจารย์เคยเล่าให้ฟังว่า หลังอัปสรจำแลงได้เสียกับพระอิศวรแล้ว ก็มีผลสักกะขึ้นมา (ผลสักกะคือไรไม่รู้ เดาว่าน่าจะหมายถึงอสุจิ)หลังผ่านความหน้ามืด ด้วยความละอายพระศิวะจึงขว้างผลสักกะนั้นไปในอากาศ

    ขณะนั้นเมียฤาษีโดนสาปให้ยืนกินลมขาเดียวอยู่ที่หน้าผา ก็รับเอาผลสักกะนั้นเข้าไปทางปาก เกิดปฏิสนธิออกมาเป็นหนุมาน ด้วยเหตุนี้หนุมานถึงได้มีฤทธิ์มากเพราะจริงๆ แล้วเป็นลูกของพระนารายณ์และพระศิวะนั่นเอง

    ตอนที่ได้ฟังอาจารย์เล่าก็อึ้ง ๆ นะ แอบคิดว่ามันก็มีเกย์มาตั้งแต่สมัยนั้นแล้วสิ อืม...

    ตอบลบ
  2. ในคติพุทธ เทพที่เป็นเทพตามธรรมชาติจริงๆ ไม่ใช้เทพแบบแต่งขึ้นมาเข้าข้างตัวเอง ก็มี โลภ โกรธ หลง เหมือนคน ต่างกันแค่ว่า อยู่คนละภพละภูมิกัน ไม่ได้แป็นบุคคลอุดมคติที่ดีงามสมบูรณ์แบบไปเสียทุกๆด้านและบางทีเทพก็ตบะแตก-ทำอะไรผิดพลาดหรือทำสิ่งสนองอารมณ์แบบขาดสติได้เช่นกัน แต่ก็แน่นอนว่าการได้เกิดเป็นเทพได้ ก็ต้องมีอะไรบางอย่างบางด้านที่ดีงามประณีต-ฉลาดหลักแหลมกว่าคนธรรม จึงได้เกิดเป็น เทพ

    ตอบลบ
  3. มี ๒ ประเด็นจะบอก
    ๑.ฤาษีวาลมีกิ ไม่ได้แต่งตอนนารายณ์ปราบนนทุก รัชกาลที่๑ ท่านทรงรวบรวมนิยายนิทานที่เผยแพร่เรื่องรามเกียรติ์ในดินแดนแถบนี้จนรวมได้ตามที่เห็น มีคนทำวิทยานิพนธ์เปรียบเทียบไว้คือ สมพร สิงห์โต เปรียบเทียบระหว่างรามายณะฉบับวาลมีกิ กับฉบับรัชกาลที่๑

    ตอนนารายณ์ปราบนนทุก มีที่มาจากตอนพระนารายณ์แปลงร่างเป็นโมหินีปราบอสูรขี้เถ้าชื่อ ภัสมาสูรที่ขอพรพระศิวะให้มีนิ้วที่สามารถทำให้ใครตายก็ได้แต่ว่าอสูรไม่มีใครให้ลองจึงคิดลองกับพระศิวะ พระนารยณ์จึงแปลงเป็นโมหินีมาช่วยและใช้ท่ารำปราบอสูรภัสมาสูร (ในตำนานของอินเดีย)

    ไทยเอาตอนนี้มาเป็นที่มาของการกำเนิดทศกัณฐ์

    อีกประเด็นหนึ่งซึ่งบอกว่าฤาษีวาลมีกิมีรหัสอะไรในรามายณะ ขอบอกว่ามีและเป็นเรื่องใหญ่และละเอียดอ่อนมาก ถ้าคนที่อ่านทั้งรามายณะและรามเกียรติ์จะรู้ดี

    รามเกียรติ์ฉบับของไทยนี้รายละเอียดแตกต่างจากรามายณะ ไทยรับมาแต่โครงเรื่องเท่านั้น ส่วนพฤติกรรมตัวละครรัชกาลที่๑ ทรงวางอะไรบางอย่างให่ศึกษา ลองอ่านในมณีปิ่นนิพนธ์ จะเข้าใจ เพราะมีผู้ศึกษาวรรณคดีเรื่องนี้ไว้คือ ผศ.ดร.มณีปิ่น พรหมสุทธิรักษ์ ท่านศึกษาที้งรามายณะและรามเกียรติ์

    ตอบลบ
  4. ตำนานที่กล่าวถึง พระนารายณ์แปลงร่างเป็นโมหินีแล้วพระศิวะเห็นจนเกิดความใคร่นี้มีใน" ศิวะปุราณะ" เรื่องมีอยู่ว่า
    พระศิวะเห็นโมหินีเกิดความใคร่จนเกิดพลังออกมา ฤาษีเห็นดังนั้นจึงเอาใบไม้รองรับและไปเทใส่หูเทวีอัญจนา ผู้เป็นชายาของวานรราช เกศะรี ก้เกิดลิงน้อยตัวหนึ่งชื่อพัชรัมปาลิ ที่เรารู้จักกันดีในนามของ "หนุมาน"เวอร์ชั่นอินเดีย(อย่ามาปะปนกับไทย)

    ตอบลบ
  5. ที่ตั้งของเมืองลงกาในเรื่องรามเกียรติ์อาจไม่ใช่ประเทศศรีลังกาปัจจุบัน

    ตอบลบ