วันอาทิตย์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

อีก 6 องศา โลกาวินาศ


แค่อุณหภูมิร้อนเพิ่มขึ้นเพียง 6 องศา โลกาวินาศ! เลยหรือ? ฟังดูเว่อร์เหลือเชื่อ?

*** ประเด็นต้นเหตุวิกฤติโลกร้อน นักวิทยาศาสตร์ยังถกเถียงมีทัศนะแตกต่างกันอยู่เป็น 2 พวกใหญ่
- พวกหนึ่งว่า วิกฤติโลกร้อนเป็นเพราะผลจากน้ำมือมนุษย์โดยตรง
- อีกพวกว่าเป็นไปเองตามธรรมชาติ โลกร้อนตามรอบของตัวมันเอง มนุษย์ไม่เกี่ยว หรือถึงเกี่ยวบ้างก็น้อยนิดมาก...???




จากภาพยนต์สารคดีของ National Geographic ชุด "Six Degrees could change the world" และ"หนังสือ Six Degrees โลกาวินาศ" รวมทั้งสื่อทำนองเดียวกันที่เกี่ยวข้องอีกหลายสำนักทั้งในเทศและต่างประเทศ...นักวิทยาศาสตร์ต่างได้วิเคราะห์คาดการณ์สภาวะวิกฤติโลกร้อน หากโลกร้อนขึ้นทีละองศา จะส่งผลกระทบอะไรตามมาบ้าง สรุปย่อได้ดังนี้ ( ***อาจงง ว่าปกติโลกก็เปลี่ยนอุณหภูมิทุกวันอยู่แล้ว...เพิ่มขึ้นทีละองศาในที่นี้จึง หมายถึงเพิ่มขึ้นจากมาตรฐานอุณหภูมิโลกเดิม โดยคำนวณอุณหภูมิจากสถิติโดยเฉลี่ยของทุกๆฤดูที่เคยเป็นมาในอดีต...)

+1 องศา
- อากาศร้อนจัด เกิด ไฟป่า สัตว์ไม่มีที่อยู่อาศัย-สูญพันธุ์เกิดขึ้นที่ทวีปออสเตรเลีย
- น้ำแข็งบนยอดเขาทยอยละลาย เกิดน้ำท่วมและแลนด์สไลด์(แผ่นดินถล่ม)หลายแห่งทั่วโลก
- เกิดเฮอร์ริเคนทางตอนใต้ของมหาสมุตรแอตแลนติกถี่และรุนแรงขึ้น เช่น เฮอร์ริเคน แคทริน่า ไซโคลนรุนแรงถล่มยุโรป และแถบเมดิเตอร์เรเนียน
- เกิดคาร์บอนมากเกินขอบเขต ทำให้น้ำทะเลเป็นกรดกัดกร่อนปะการังอันเป็นที่อาศัยของปลาทั้งหลายเปื่อยตายจำนวนมาก
- อเมริการ้อนและแห้งแล้งมากยิ่งขึ้น บางพื้นที่เคยเลี้ยงสัตว์ได้จะกลายเป็นทะเลทราย เช่นที่ The Sand Hills นำมาสู่ปริมาณอาหารลดน้อยจนเกิดภาวะขาดแคลน


+2 องศา
- น้ำแข็งอายุ 150,000 ปีบนกรีนแลนด์จะหายไป ทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น หมีขั้วโลกและสัตว์อีกหลายชนิดจะสูญพันธุ์
- กรุงเทพฯ และเมืองชายฝั่งในอีกหลายประเทศเริ่มมีน้ำทะเลหนุนทะลักเข้าเมืองน้ำท่วมบ่อยขึ้นบางจังหวัดชายทะเลจมน้ำถาวร!
- ทางใต้ของจีนน้ำท่วมหนักบ่อยขึ้น แต่ทางเหนือกลับแห้งแล้งขาดแคลนน้ำเพาะปลูกไม่ได้ทั้งเกิดพายุทรายบ่อยครั้ง
- มรสุมและน้ำท่วมรุนแรงยิ่งขึ้นแถบอินเดีย บังกลาเทศ ผู้คนจะต้องลำบาก ขาดอาหาร ไร้ที่อยู่อาศัย ที่เนปาล ธารน้ำแข็งบนเทือกเขาหิมาลัยละลายเกิดดินโคลนถล่มไหลท่วมบ้านเรือน
- เกิด Killer Heatwave หรือ คลื่นความร้อนแห่งความตาย ที่แถบยุโรปและเมดิเตอร์เรเนียน เช่นที่เคยเกิดมาแล้วเมื่อปี 2003 คนตายหลายหมื่นคน และจะเกิดถี่ขึ้นเรื่อยๆ การเพาะปลูกจะทำได้อย่างอยากลำบากขึ้นเนื่องจากขาดแคลนน้ำ
- อเมริกาใต้ เช่น เปรู เอลซัลวาดอร์ โบลิเวีย จะไม่มีน้ำให้ใช้ในพื้นที่อีกต่อไป เพราะ น้ำจากธารน้ำแข็งละลายลงทะเลจนหมดสิ้น
- สัตว์ทะเลที่เคยช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ในน้ำทะเล เช่นแพลงตอน สัตว์น้ำตัวจิ๋วซึ่งผลิตออกซิเจนมากถึงครึ่งหนึ่งของโลกจะดำรงชีวิตอยู่ได้ยากขึ้นทยอยสูญพันธุ์ รวมถึงสัตว์ที่ดูดซับคาร์บอนฯเพื่อแปลงเป็นเปลือกผิวแข็งของตัวเอง อย่างปู เม่นทะเล หอย ปะการัง ฯลฯ จะทำเช่นนั้นไม่ได้อีกเพราะถ้าน้ำมีคาร์บอนมากจนเกินไปจะแปรสภาพเป็นกรดกัดผิวสัตว์น้ำเหล่านี้จนตาย และทยอยสูญพันธุ์ในที่สุด


+3 องศา
- เกิดความแห้งแล้งและไฟป่าขนานใหญ่บริเวณป่าอเมซอนอันเป็นปอดแห่งใหญ่ที่สุดในโลก และเมื่อป่าแล้งจัดต้นไม้จะไม่สามารถดูดซับคาร์บอนและปล่อยอ็อกซิเจนได้เหมือนเคย แต่จะปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาแทนที่ ยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายหนักขึ้นไปอีก
- ปากีสถาน ขาดแคลนน้ำ เพราะน้ำจากเทือกเขาละลายลงทะเลจนหมดสิ้น อาจนำไปสู่ปัญหาแย่งชิงทรัพยากรกับประเทศเพื่อนบ้าน
- แม่น้ำโคโลราโด ในประเทศอเมริกาจะเหือดแห้ง ขาดแคลนน้ำ และอาหาร
- ระดับน้ำทะเลขยับตัวสูงขึ้นอีก นิวยอร์กจะเจอน้ำท่วมอย่างหนัก (เป็นที่รู้กันว่าเมืองหลวงใหญ่อย่างนิวยอร์กและหลายๆเมือง มีระบบขนส่งมวลชน ระบบไฟฟ้า อยู่ใต้ดินจำนวนมาก...)
- น้ำแข็งแถบขั้วโลกเหนือจะละลายหายไปถึง 80% กระทบชีวิตคนและสัตว์มากมาย และหลายเมืองทั่วโลกเริ่มทยอยจมน้ำ

- ป่าอเมซอนที่เคยชุ่มชื้นจะมอดไหม้และปล่อย CO2 หนักกว่าเดิม -
+4 องศา
- ยุโรปร้อนแห้งแล้ง ร้านกาแฟริมถนนอับเฉาไร้นักท่องเที่ยว อังกฤษอากาศร้อนขึ้นมากและเจอพายุไซโคลนถล่มบ่อยๆ
- เมืองใหญ่หลายเมืองทั่วโลกจมน้ำถาวร อย่าง เวนิส มัมไบ ไมอามี่ บอสตัน ลอนดอน อเล็กซานเดรีย รวมทั้ง กรุงเทพฯ!
- ผลผลิตทางเกษตรอาจลดลง 40% โลกประสบภาวะขาดแคลนอาหาร
- น้ำแข็งที่ไม่เคยละลายอย่างในทวีปแอนตาร์กติกา (ขั้วโลกใต้) จะเริ่มละลาย


+5 องศา
- น้ำทะเลเป็นพิษ เกิดสึนามิบ่อยเป็นว่าเล่นทั่วโลก
- ทะเลทรายแผ่ขยายทั่วโลก
- ผู้คนต้องอพยบหาที่อยู่ใหม่ เกิดความโกลาหลสู้รบยิ่งชิงพื้นที่และทรัพยากร มนุษยชาติอาจต้องย้ายไปอยู่ขั้วโลกใต้แทน ใครไม่สามารถย้ายไปได้ก็ต้องรอวันตายไปตามยถากรรม


+6 องศา
ความเลวร้ายโกลาหลทางธรรมชาตินานัปการ แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด สึนามิ อุทกภัย วาตภัย ภัยแล้ง ฯลฯ จะอุบัติขึ้นอย่างถี่ยิบพร้อมๆกัน ทั่วผืนโลก จนไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์จะอาศัยอยู่บนโลกใบนี้ได้อีกหรือไม่ หรือโลกอาจถึงขั้นต้องกลายเป็นเพียงดาวเคราะห์ร้างที่ไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิตเหมือนดาวใกล้เคียงอย่าง ดวงจันทร์ ดาวอังคาร ???

ปล. ***ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวข้องกับ ภัยโลกร้อน-โลกาวินาศ-กรุงเทพฯและบางจังหวัดของไทยจมน้ำ อีกชุด... สนใจดูได้ที่หัวข้อเก่า 21:12:2012 )

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น