พูดถึง หนังพระนเรศวร ก็ทำใหย้อนไปนึกถึง หนังสุริโยไท เคยดูสุริโยไท มานานหลายปีมาแล้ว ตั้งแต่ช่วงที่เข้าโรงใหม่ๆ เกือบจะลืมไป แต่ยังไงก็ยังจำวลีอมตะของ ท่านมุ๊ย เกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ได้อย่างขึ้นใจชนิดที่ไม่มีวันลืมเลือน ท่านกล่าวไว้ว่า "เราทำเกินฝรั่งไปเยอะเลย" ฮึ ๆ ๆ
- หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล หรือ ท่านมุ๊ย -
ฤกษ์งามยามดี จึงดูหนังสุริโยไทซ้ำอีกรอบ คราวนี้ดูฉบับDVD(ที่ซื้อทิ้งไว้ แต่ไม่เคยได้ดูจบ) สุริโยไทเวอร์ชั่นสมบูรณ์ 5 ชั่วโมงเต็ม และวันต่อมาก็ต่ออีกยกด้วยหนังเรื่องพระนเรศวรทั้ง 2 ภาค...ต้องยอมรับว่าการดูหนังเรื่องยาว 2 เรื่องนี้ถ้าไม่มีพื้นประวัติศาสตร์ สุโขทัย-อยุธยา อยู่บ้าง อาจปะติดปะต่อเรื่องราวลำบากหน่อย เพราะตัวละครเยอะมาก ลูกใครหลานใคร-มีที่มายังไงก็ไม่รู้ อยู่ๆก็โผล่มาอีรุงตุงนังไปหมด(แต่ผมชอบ เฒ่านก ที่แสดงโดย น้าหงา คาราวาน นะ 555 และที่สุดยอดกว่านั้นคือ เขาทรายแกแลคซี่ ในบท ขุนศึกเสือหมอบแมวเซา กร๊ากกกก) หากไม่มีพื้นความรู้ก็กลายเป็นว่าได้แค่ดูฉากอลังการแทน เผลอๆมึนหลับไปเลย(ฮา) แต่นับว่าโชคดีที่ผมได้เคยฟังรายการวิทยุดีๆเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ไทย สุโขทัย-อยุธยา ของ อ.วีระ ธีรภัทร กับ อ.สุเนตร ชุตินธรานนท์( อ.สุเนตร ยังเป็นผู้ให้ข้อมูลด้านประวัติศาสตร์ ของหนังทั้ง 2 เรื่องนี้ด้วย) รายการวิทยุชุดนี้มีประโยชน์มาก ควรทำเป็น Audio CD แจกแถมไปกับ DVD หนัง สุริโยไท-นเรศวร นะ
...บ้านใครที่ติดทีวีเคเบิ้ลหรือจานดาวเทียม สามารถดูพวกช่องทีวีพม่า เขมร ลาว เวียดนาม ได้ ก็จะได้เห็นว่าภาพรวมของลักษณะหน้าตาผู้คนทั่วๆไปที่เห็นในทีวี หน้าตาแทบก็ไม่ต่างกันกับคนไทยเราเลยแทบจะแยกไม่ออก...จะว่าไปแล้ว เราต่างก็เป็นพี่น้องร่วมสายเลือดกัน ต่างกันแค่ถิ่นที่อยู่และบัตรประชาชน แค่นั้นเอง
- อยุธยาเมืองเก่าของเราแต่ก่อน -
ประเด็นสำคัญอีกอย่างที่ทำให้ผมฉุกคิดหลังจากดูหนัง พระสุริโยไทและพระนเรศวรของท่านมุ๊ย คือ "การเสียกรุงศรีอยุธยา" เรารู้กันทั่วไปว่าเสียครั้งแรกโดยการโจมตีของผู้ยิ่งใหญ่ฝั่งตองอูพม่า "บุเรงนอง"ผู้ชนะสิบทิศ และยุคต่อมาก็กอบกู้เอกราชกลับมาได้โดยผู้ยิ่งใหญ่ฝั่งอยุธยาไทย "สมเด็จพระนเรศวรมหาราช" นั้นเอง... (บ้างก็ว่าอยุธยาเสียกรุงครั้งแรกตั้งแต่ สมัยสุริโยไทขาดคอช้างแล้ว)
พระเจ้าบุเรงนองวัยหนุ่มใหญ่ ในภาพยนตร์ พระนเรศวรมหาราช รับบทโดย สมภพ เบญจาธิกุล
...ส่วนการเสียกรุงครั้งที่ 2 นั้นในเกิดยุคสมัยพระเจ้ามังระราชวงศ์อลองพญาของพม่า...ได้กลับไปค้นหนังสือเก่าๆหลายเล่ม(ที่มักจะซื้อมาทิ้งไว้นานแล้วไม่มีโอกาสได้อ่าน) ด้วยอยากรู้ว่า เราเสียกรุงเพราะเหตุอันใด...อ.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ ได้สรุปสาเหตุที่ทำให้เสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 เอาไว้ ดังนี้
1. ผู้ปกครอง-เจ้าขุลมูลนายในอยุธยาช่วงชิงอำนาจกันเองอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา เป็นผลให้อาณาจักรอ่อนแอ ขายเสถียรภาพ
2. ช่วงหลังๆอยุธยาเว้นว่างสงครามมานานทำให้ชะล่าใจไม่เตรียมพร้อมกองทัพ ไม่ได้มีการปรับปรุงพัฒนา ทหารจึงไม่เข้มแข็ง อีกทั้งยังไม่มีการสะสมกำลังอาวุธ
3. เกี่ยวกับไพล่พล ในยุคนั้นประชาชนถูกกดขี่ขูดรีดมาก ทำงานส่งส่วยให้เจ้าขุนมูลนายโดยไม่ได้รับผลตอบแทน ทำงาน 6 เดือนต่อปี แม้แต่ผักบุ้งที่เกิดขึ้นตามรั้ววังเอง ถ้าใครเก็บไปขายก็ยังต้องเสียภาษี ชายฉกรรจ์จึงมักหนีไปบวช หนีเข้าป่า ส่วนพวกที่อยู่ในกรุง ชีวิตยากลำบากมาตลอดเมื่อถึงครารบก็ไม่มีกำลังใจต่อสู้ เพราะมองว่าสงครามเป็นของพวกเจ้าผู้ปกครอง ทุกวันนี้รับใช้เจ้านายผู้ปกครองชีวิตลำเค็ญอยู่แล้ว สู้ไปแพ้ชนะประชาชนก็ไม่ได้มีสวนได้ส่วนเสียอะไร
4. อยุธยาตอนปลายเกิดปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ เพราะนโยบายกีดกันฝรั่งทำให้พ่อค้าชาวต่างชาติเมินที่จะทำมาค้าขายกับอยุธยาไปในที่สุด อีกทั้งการปลูกข้าวในอยุธยาตอนปลายนั้นก็ได้ผลไม่สู้ดีนัก เพราะแรงงานขาดแคลน ประสบภัยน้ำท่วม-ฝนแล้งเป็นนิจ
..............................
ปล. "สีสันของประวัติศาสตร์อยู่ที่การถกเถียงตีความได้หลากหลายแง่มุม ประวัติศาสตร์จะมีข้อเท็จจริงประการใดนั้นไม่สำคัญ สำคัญที่เนื้อหาในประวัติศาสตร์จะสามารถประยุกต์ใช้หรือให้แง่คิดอะไรในการใช้ชีวิตในปัจจุบันมากกว่า การศึกษาประวัติศาสตร์ไม่ว่าในแง่มุมใดย่อมมีประโยชน์เสมอ" :)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น