วันพุธที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2554

โตเกียว 8 ริกเตอร์!



Tokyo Magnitude 8.0

การ์ตูนอะนิเมะ ดีๆ ภาพสวย-เนื้อเรื่องซาบซึ้งกินใจ ต่อมน้ำตาแตก!


- ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.patsonic.com/ -



เป็นที่รู้กันปี 2011 นี้ ญี่ปุ่นโดนภัยพิบัติแผ่นดินไหว-สึนามิสาหัส...ถ้าจะถามว่า มีอะนิเมะที่หยิบเอาภัยพิบัติของโลกมาพูดถึงบ้างรึเปล่า ก็นับว่ามีอยู่หลายเรื่องทีเดียว แต่หนึ่งในนั้น(ที่ไม่ควรพลาด) คือ “Tokyo Magnitude 8.0″ อะนิเมะความยาว 11 ฉายทางฟูจิทีวี ไปเมื่อช่วงกลางปี 2010

เรื่องราวของมันเกิดขึ้นในโตเกียวช่วงกลางปี 2012 แผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น วัดความแรงได้ถึง 8.0 ริกเตอร์ (ส่วนที่เกิดขึ้นจริงปี 2011 นั้น 8.9 ริกเตอร์ ตัวเลขใกล้เคียง!) สร้างความเสียหายที่ร้ายแรงเกินกว่าครั้งไหนๆ แต่อะนิเมะเรื่องนี้ ไม่ได้โชว์ความอลังการแห่งหายนะที่ธรรมชาติสร้างขึ้นมาถาโถมใส่มนุษย์เท่านั้น หากแต่มันเน้นไปที่ชีวิตของ 3 ตัวละครหลักของเรื่อง


โอโนะซาวะ มิไร เด็กสาวผู้อยู่ในวัยมัธยมต้น ที่ไม่ค่อยจะพอใจทุกอย่างในชีวิต โดยเฉพาะครอบครัว พ่อแม่ที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีเวลาให้เพราะต่างเอาแต่ทำงาน แม้แต่วันเกิดของแม่เอง แทนที่จะได้เห็นภาพของการฉลองวันเกิดเล็กๆ แบบครอบครัว แต่กลับมีแค่เพียงเค้กชิ้นเล็กๆ ที่ผู้เป็นแม่ซื้อมาให้ลูกๆ นั่งกินกันเอง เมื่อเธอได้การบ้าน ครูให้เขียนถึงสิ่งที่อยากเป็นใน 10 ปีข้างหน้า เธอกลับนึกมันไม่ออก อาจเพราะเธอไม่มีใครคอยชี้แนะ ซึ่งส่วนหนึ่งก็เพราะความเบื่อโลกของเธอนั่นเอง มีเพียงมือถือคู่กายที่มักจะถูกหยิบขึ้นมาบันทึกเรื่องราวเป็นประจำจนถูกเพื่อนน้องชายล้อเลียนว่าเป็นมนุษย์ดาวมือถือ


เธอมีน้องชายชื่อ โอโนะซาวะ ยูกิ ผู้ชื่นชอบหุ่นยนต์ เธอมักมองน้องชายเป็นเหมือนภาระที่เธอต้องดูแลและทำให้เธอไม่ค่อยมีโอกาสไปเล่นกับเพื่อน เธอเกลียดบ้าน เกลียดพ่อแม่ พาลเกลียดไปถึงเมืองที่เธออยู่ จนเธอคิดในใจว่า...

“โลกนี้มันน่าจะแตกๆ ไปซะได้แล้ว”

แต่เธอคงไม่คาดคิดว่าเหตุการณ์นั้นมันจะเกิดขึ้นจริงๆ ตรงหน้า...ในวันที่เธอต้องพายูกิมาเที่ยวงานนิทรรศการหุ่นยนต์บนเกาะโอไดบะ แม้จะไม่เต็มใจ แต่คงจะดีกว่าอยู่บ้านอย่างว่างเปล่าในวันปิดเทอม เหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่นี้เกิดขึ้นในตอนบ่ายของวันนั้น เด็กสองคนต้องติดอยู่บนเกาะพร้อมๆ กับผู้คนอีกมากมาย แต่การหาทางกลับบ้านของพวกเขายังคงพอมีตัวช่วยอยู่บ้าง…



คุซาคาเบะ มาริ สาวนักซิ่งผู้ประกอบอาชีพส่งของ ที่มิไรไม่ค่อยจะถูกชะตาสักเท่าไหร่ในตอนแรกที่เจอกัน แต่เมื่อมาริช่วยเธอหาน้องชายจนพบ มิตรภาพก็เริ่มก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ มาริกลายมาเป็นตัวละครสำคัญที่ทำให้มิไรได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างในช่วงเวลาที่ทั้งสามเดินกลับบ้านด้วยกัน

ฝ่ายหนึ่งคือเด็กสองคนที่ต้องการกลับไปหาพ่อแม่ อีกฝ่ายคือแม่คนหนึ่งที่ต้องการกลับไปหาลูกสาว ต่างคนต่างไม่รู้ในชะตากรรมของผู้ที่ตนจะกลับไปหา ระหว่างนั้นก็ต้องดิ้นรนหาทางเอาชีวิตรอดเพื่อกลับไปให้ถึงบ้าน มิไร เด็กดื้อและค่อนข้างจะเป็นเด็กมีปัญหา ก็ได้เรียนรู้ถึงความรักและผูกพันระหว่างพี่น้องที่เธอเคยมองข้าม ได้รับรู้ในความรักของแม่อย่างมาริที่เผื่อแผ่มาถึงเธอและยูกิ มาริทำหน้าที่เสมือนแม่ของเด็กทั้งสอง เป็นแม่ที่คอยทดแทนในสิ่งที่เด็กๆ อยากได้เมื่อตอนอยู่ที่บ้าน นั่นคือ การดูแลเอาใจใส่ใกล้ชิด...

ทั้งสามสัญญากันไว้ว่าจะเดินกลับบ้านพร้อมกัน แต่ระหว่างทางพวกเขาต่างเจออุปสรรคต่างๆ มากมาย เพราะเมื่อเกิดเหตุแผ่นดินไหวใหญ่การคมนาคมและการสื่อสารเป็นอัมพาต อีกทั้งยังเกิดอาฟเตอร์ช็อคตามมาอีกหลายระลอก การตัดสินใจเดินกลับจึงเป็นเรื่องต้องจำใจเลือก ระยะทางที่ไม่ใช่ใกล้ๆ จึงมีเรื่องให้เล่ายาวถึง 11 ตอน

..............................................


ญี่ปุ่นนั้นเป็นชาติหนึ่งที่ประสบเหตุแผ่นดินไหวเป็นประจำ รวมไปถึงสึนามิที่เจอกันจนคุ้นเคย อะนิเมะที่บอกเล่าเรื่องราวของแผ่นดินไหวจึงน่าจะทำให้คนญี่ปุ่นอินกับเรื่องนี้ได้ง่าย ก่อนเริ่มของทุกตอน ก็จะมีข้อความบอกกับผู้ชมเสมอว่า เรื่องนี้แต่งขึ้นจากการรวบรวมข้อมูลจากการวิจัยแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในกรุงโตเกียว เพียงแต่เหตุการณ์ในเรื่องเป็นเหตุการณ์จำลอง ซึ่งมันอาจจะเกิดขึ้นจริงๆ ก็ได้ ใครจะไปรู้ (แล้วมันก็เกิดขึ้นจริงๆเกิดขึ้นก่อนอีก 1 ปี ต่างหาก...ส่วน 2012 จะยังไง ต้องรอลุ้นระทึก! O_0)

ในด้านของภาพนั้น ทำได้สวยสดงดงาม ผสมผสานกันระหว่างภาพสองมิติและสามมิติกันได้อย่างลงตัว แต่ที่สำคัญคือ หนังให้อารมณ์เหมือนกับเรากำลังดูภาพยนตร์อยู่ การเล่าเรื่องผ่านภาพ เสียงเพลงประกอบ และบทพูดต่างๆ สอดประสานกันจนเรารู้สึกอินไปกับมัน ยิ่งผ่านไป ยิ่งพบว่า เหมือนเรากำลังเป็นส่วนหนึ่งของมัน ไม่นาน เราก็ถูกมันควบคุมจนกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ แต่ก็เหมือนทุกครั้ง แม้ตัวละครจะต้องประสบกับความทุกข์ยากและเรื่องร้ายๆ มามากมาย แต่เมื่อถึงตอนจบ พวกเขาก็ไม่ลืมที่จะทิ้งคำพูดดีๆ ให้กำลังใจผู้ชมเลยแม้แต่นิดเดียว

เรื่องราวของ Tokyo Magnitude 8.0 จะมีความยาว 11 ตอนจบ(ตอนละประมาณ 20 กว่านาที) เกินพอจะทำให้เราอินไปกับมัน หากใคร เป็นคนอ่อนไหว ไม่ต้องสงสัยเลยว่า คงได้เสียน้ำตาให้กับมันเป็นลิตรๆ อย่างแน่นอน